วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

อำเภอแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอแม่ฟ้าหลวง
พระตำหนักดอยตุง
เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จย่า มีพิธีลงเสาเอกเมื่อ 23 ธันวาคม 2530 ปลูกแบบง่ายๆ ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์  พระตำหนักสร้างด้วยไม้ทั้งหลังโดยมีโครงเหล็กอยู่ภายใน ไม้ในการสร้างเป็นไม้ลังใส่สินค้าที่การท่าเรือฯ คลองเตย ทูลเกล้าถวายแด่สมเด็จย่า  เมื่อสร้างออกมาแล้วสวยงามยิ่งนัก รูปแบบการสร้างเป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมล้านนากับบ้านพื้นเมืองสวิตเซอร์แลนด์  ที่เพดานห้องโถงทำเป็นเพดานดาว  บริเวณด้านหลังพระตำหนักมีระเบียงยืนออกไป เมื่อยืนที่ระเบียงจะเห็นทัศนียภาพของดอยตุงที่สวยงาม บริเวณขอบระเบียงมีกระบะปลูกไม้ดอกที่มีสีสันสวยงาม  พระตำหนักเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม  โดยจะต้องมีมัคคุเทศก์ของพระตำหนักเป็นผู้นำเยี่ยมชม อัตราค่าธรรมค่าเข้าชม  ท่านละ 70 บาท ( หรือ 150 บาทรวม 3  สวนแม่ฟ้าหลวง+พระตำหนักดอยตุง+หอพระราชประวัติ )
การเดินทาง  จากตัวเมืองเชียงรายใช้เส้นทางสาย 110 เป็นเส้นทางที่มุ่งสู่แม่สาย  ประมาณ กม. 870-871  เลี้ยวซ้ายขึ้นดอย 17 กม. ถึงพระตำหนักดอยตุง
สวนแม่ฟ้าหลวง
สวนแม่ฟ้าหลวง หรือสวนดอยตุง  เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวบนพื้นที่ 25 ไร่ อยู่ในแอ่งที่ราบด้านทิศเหนือของพระตำหนัก  สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2534 ภายในสวนถูกตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกดอกตลอดปี  กลางสวนมีประติมากรรมเด็กยืนต่อตัว งานประติมากรรมนี้ได้รับพระราชทานชื่อว่า " ความต่อเนื่อง "  นอกจากแปลงไม้ประทับกลางแจ้งแล้วยังมีโรงเรือนไม้ในร่ม จุดเด่นคือกล้วยไม้จำพวกรองเท้านารีชนิดต่างๆ ที่มีดอกสวยงามมาก  ความภาพความสวยงามของสวนแม่ฟ้าหลวง ค่าธรรมเนียมการเข้าชม   ท่านละ 80 บาท  ( หรือ 150 บาทรวม 3  สวนแม่ฟ้าหลวง+พระตำหนักดอยตุง+หอพระราชประวัติ )
ชมความสวยงามของสวนดอยตุง คลิกที่นี่
เที่ยวสวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง
ตั้งอยู่บนดอยช้างมูบ ห่างจากพระตำหนักดอยตุงไปทางด้านพระธาตุดอยตุงประมาณ 7 กิโลเมตร บริเวณนี้แต่เดิมเรียกว่าดอยช้างมูบ มีสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรมเพราะถูกทำลายเพื่อทำไร่เลื่อยลอย ในบริเวณนี้มีทัศนียภาพที่งดงาม มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงได้ทำการปรับปรุงพื้นที่ปลูกป่าและได้สร้างสวนรุกชาติขึ้นในพื้นที่ 250 ไร่ ได้รวบรวมพันธุ์ไม้สวยงามไว้หลายชนิด โดยเฉพาะอยางยิ่งพันธุ์ไม้จำพวกกุหลาบฟันปีมีปลูกไว้จำนวนมาก ไม่มีที่ไหนอีกแล้วที่จะมีกุหลาบฟันปีหลากหลายสายพันธุ์เท่ากับสวนรุกชาติแห่งนี้ ในฤดูหนาวจะออกดอกสวยงามมาก นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวที่เห็นวิวที่สวยงามอีกด้วย  แต่น่าเสียดายเพราะนักท่องเที่ยวไม่ค่อยจะได้มีโอกาสมาแวะกันเพราะบางส่วนไม่รู้จัก บางส่วนมากับทัวร์แล้วทัวร์พาเที่ยวแว๊บๆ ไม่มีเวลา ค่าธรรมเนียมการเข้าชม   ท่านละ 50 บาท
พระธาตุดอยตุง
เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คูบ้านคู่เมืองเชียงราย ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของดอยตุง เป็นเจดีย์แห่งแรกของล้านนา สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอุชุตราช ราวปี พ.ศ.1454 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากอินเดีย แต่เดิมนั้นมีพระธาตุองค์เดียว ต่อมาในสมัยพญมังรายแห่งราชวงค์มังรายได้สร้างพระธาตุขึ้นอีกองค์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระมหาวชิรโพธิเถระนำมาถวาย พระธาตุจึงมีสององค์ พระธาตุทั้งสององค์มีสภาพชำรุดทรุดโทรมจึงได้บูรณะขึ้นใหม่โดยการสร้างพระธาตุองค์ใหม่ครอบพระธาตุองค์เดิมในปี พ.ศ. 2516  พระธาตุดอยตุงในปัจจุบันจึงดูมีสภาพใหม่และสวยงาม  การเข้าไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ควรแต่งกายสุภาพเหมาะสมกับสถานที่ :ซึ่งเป็นที่เคารพของคนในท้องถิ่นถือ การแต่งกายแบบเซ็กซี่เป็นความไม่เหมาะสม ควรจะแต่งตัวให้เรียบร้อยถึงแม้จะไปเพียงแค่ไปถ่ายรูปก็ตาม

อำเภอแม่สาย เชียงราย

สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอแม่สาย

แม่สาย
เป็นอำเภอที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย ติดกับพรมแดนประเทศพม่าโดยมีแม่น้ำรวกแบ่งเขตแดน มีสะพานข้ามระหว่างฝั่งไทยและพม่า ทั้งสองฝั่งเป็นที่ตั้งของด่านตรวจคนเข้าเมืองของทั้งสองประเทศ  ตัวเมืองแม่สายอย่างห่างจากตัวเมืองเชียงราย 62 กิโลเมตร ไปตามเส้นทางหลวงหมาลเลข 110 ไปจนเกือบสุดถนนเป็นทั้งตั้งของที่ทำการอำเภอแม่สาย ห่างขึ้นไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตรคือตลาดชายแดนแม่สาย  ห่างตรงผ่านด่านตรงขึ้นไปก็จะเข้าประเทศพม่าไปยังเมืองเชียงตุงของพม่า ผ่านเมืองลาเมืองปกครองพิเศษ แล้วเข้าไปยังเมืองเชียงรุ่ง สิบสองปันนาของจีน  แม่สายมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันไม่ขาดสายทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ขับรถลงมาจากเมืองเชียงรุ่ง แขวงสิบสองปันนา ตลาดฝั่งไทยเป็นที่ขายสินค้าซึ่งส่วนใหญ่มาจากจีนโดยขนส่งมาทางเรือแล้วมาขึ้นที่ท่าเรือเชียงแสน  สินค้าของฝากจำพวกผลไม้อบแห้ง เห็นหอมแห้ง ขนมต่างๆ และยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีนอีกเป็นจำนวนมาก  ส่วนเรื่องคุณภาพนั้นบางคนก็บอกว่าเป็นสินค้าไม่มีคุณภาพ แต่ผมก็ไม่สามารถเขียนลงในสื่อได้ว่าคุณภาพดีหรือไม่ดี ก็แล้วแต่ละท่านจะเลือกซื้อและพิจารณากันเอง
บริเวณด้านขวาของด่านเป็นที่ตั้งของป้ายเหนือสุดยอดแดนสยามไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป แต่ก็หายากสักหน่อยเพราะแถวนั้นมีแต่ร้านค้า
ท่าขี้เหล็ก
เมืองนี้ไม่ได้อยู่ฝั่งประเทศไทย เมืองท่าขี้เหล็กเป็นเมืองที่อยู่ฝั่งพม่าตรงข้ามกับเมืองแม่สายโดยมีแม่น้ำกั้น หากเดินผ่านสะพานเข้าไปก็เป็นเมืองท่าขี้เหล็ก  คนไทยที่ไม่เคยข้ามไปก็อยากจะข้ามไปเพราะไม่รู้ว่าฝั่งนั้นมีอะไร พอข้ามไปแล้วก็จะรู้ว่าไม่มีอะไร บริเวณริมสะพานด้านขวาเป็นที่ตั้งของตลาดซึ่งก็เหมือนกับตลาดฝั่งแม่สาย ดูเหมือนสินค้าจะราคาถูกกว่าโดยเฉพาะพวกแอบเปิ้ล  พอซื้อมาแล้วก็รู้สึกเหมือนว่าถูกหลอก แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ได้หลอก คือว่าที่นั่นมาตรฐานกิโลของเขาไม่เท่าของเรา  1 กิโลของเขาเท่ากับ 8 ขีดของเรา  ดังนั้นถ้าจะข้ามไปซื้อเห็ดหอมแล้วก็ระวังกลับมาชีช้ำเพราะบวกลบคูณหารดูแล้วราคาแพงกว่าฝั่งไทย  บุหรี่นอกราคาถูกๆ ก็มีขายเยอะแยะ ซองภายนอกล่ะก็ใช่แต่ภายในบุหรี่ยี่ห้อพม่าแถมขึ้นราอีกตะหาก ซีดีถูกๆ ก็มีเยอะเพราะฝั่งนั้นเขาไม่จับเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าหากจะซื้อก็ควรจะซื้อในร้านใหญ่ๆ ซื้อแล้วลองก่อนไม่งั้นจะได้ซีดีเสียที่ไม่สามารถเปิดดูได้ ถ้าหากจะซื้อของตามร้านแผงลอยริมทางก็ควรที่จะเตรียมเงินไว้ให้พอดี ถ้าหากจะต้องทอนก็จะมีปัญหาเพราะทางนั้นมักจะไม่ค่อยทอนโดยจะยัดเยียดของอื่นให้แทนโดยอ้างว่าไม่มีเงินทอนยื้อไปยื้อมาเสียเวลาเดี๋ยวกลับมาขึ้นรถไม่ทัน สรุปว่าไม่ต้องข้ามไปให้เสียเงินเสียเวลาดีกว่า ถ้าคิดจะซื้อของให้ซื้อฝั่งไทยเป็นคำตอบสุดท้ายที่ถูกต้องที่สุด  แต่ถ้าหากจะข้ามไปเที่ยวฝั่งนั้นก็พอมีที่เที่ยว  ทางพม่าได้ทำอนุสาวรีย์บุเรงนอง และเจดีย์ชเวดากองจำลองไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ไปเที่ยวชม สถานที่ท่องเที่ยวนี้อยู่ห่างจากชายแดนประมาณ 2 กิโลเมตร  การไปเที่ยวชมจะต้องเช่ารถมอเตอร์ไซด์สามล้อไปจากตลาดท่าขี้เหล็ก  ค่าใช้จ่ายไป-กลับ 40 บาท 50 บาท 60 บาท แล้วแต่ละรายจะเรียก แต่ถ้าจะไปต้องคุยกันให้รู้เรื่องว่าราคาไป-กลับหรือราคาเที่ยวเดียว เพราะเคยมีนักท่องเที่ยวโดนหลอกบ่อยๆ จริงๆ แล้วไปกลับ 50 บาท บางคนโดนเก็บเที่ยวกลับอีก 50 บาท บางคนโดนเรียกเที่ยวกลับอีก 100 บาท ทุกคนก็ต้องรีบกลับให้ทันเวลาที่กลุ่มนัด ก็ต้องจำใจจ่าย  ถ้าคิดจะเที่ยวฝั่งนั้นก็ระวังนิดนึ่ง พวกพม่ามันเชื่อไม่ได้  ยกเว้นพวกไทยใหญ่ฝั่งโน้นนิสัยดีน่าคบเชื่อถือได้ หากข้ามไปฝั่งโน้นแล้วต้องการเช่าสามล้อก็ให้เลือกใช้บริการจากชาวไทยใหญ่
การข้ามแดน  เตรียมสำหรับบัตรประชาชน  ทำเรื่องขออนุญาตที่ด่าน ค่าเอกสาร ค่าเตรียมเนียม  40 บาท  ข้ามฝั่งพม่า 10 บาท
วัดพระธาตุดอยเวา
ตั้งอยู่ในตลาดแม่สายติดชายแดนไทยพม่า อยู่ก่อนถึงด่านแม่สายประมาณ 100 เมตรเข้าไปในซอยเล็กๆ ซ้ายมือ เป็นซอยย่านค้าขาย บริเวณวัดเป็นที่จอดรถ องค์พระธาตุตั้งอยู่บนดอยริมฝั่งแม่น้ำแม่สาย ตามประวัติกล่าวว่า พระองค์เวาหรือเว้าผู้ครองนครนาคพันธ์โยนก เป็นผู้สร้างเพื่อบรรจุพระเกศาธาตุองค์หนึ่งเมื่อ พ.ศ. 364 นับเป็นพระบรมธาตุที่เก่าแก่องค์หนึ่งรองมาจากพระบรมธาตุดอยตุง นอกจากนี้บนยอดดอยเวายังเป็นจุดที่สามารถชมทิวทัศน์ของอำเภอแม่สาย และท่าขี้เหล็กทางฝั่งพม่าได้อย่างชัดเจน สามารถนำขึ้นไปจนถึงพระธาตุได้

อำเภอเทิง เชียงราย

สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอเทิง

ภูชี้ฟ้า
ภูชีฟ้าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โดดเด่นของจังหวัดเชียงราย  อยู่ในพื้นที่เขตอำเอภอเทิง ยอดภูชี้ฟ้าตั้งอยู่บนเทือกเขาสุดเขตชายแดนฝั่งตะวันออกติดกับชายแดนประเทศลาว ห่างจากอำเภอเทิงประมาณ 35 กิโลเมตร  ภูชี้ฟ้ามีลักษณะเป็นหน้าผามีปลายยอดแหลมชี้เข้าไปยังฝั่งประเทศลาว  สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๑,๖๒๘ เมตร บนยออดภูชี้ฟ้าเป็นจุดชมวิว และจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ในตอนเช้าจะมีทะเลหมอกปกคลุมในหุบเขาเบื้องล่าง มีพระอาทิตย์ขึ้นผ่านพ้นทะเลหมอก เป็นความสวยงามที่นักท่องเที่ยวพากันไปรอชมตั้งแต่ยังไม่สว่าง บริเวณไหล่เขาของภูชี้ฟ้าเป็นทุ่งหญ้า แซมด้วยทุ่งโคลงเคลงที่มีดอกสวยงามในช่วงฤดูฝนไปจนถึงฤดูหนาว  บริเวณที่ราบไหล่เขาของถนนสายภูชี้ฟ้าเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทและบ้านพักหลายรายเพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปเที่ยวและพักค้างแรมในบรรยากาศที่หนาวเย็น  ปัจจุบันนี้ภูชี้ฟ้าอยู่ในความดูแลของวนอุทยานภูชี้ฟ้า  ูชี้ฟ้าเป็นดอยเดียวที่ชื่อว่าภู จริงแล้วจะต้องชื่อว่าดอยชี้ฟ้าตามคำเรียกของทางเหนือ แต่ว่าภูชี้ฟ้าเป็นชื่อที่คนต่างถิ่นไปตั้งชื่อ จึงมีเรียกว่าภู

การเดินทาง อยู่ห่างจากเชียงราย ๑๑๑ กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข ๑๐๒๐ เข้าสู่อำเภอเทิง จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข ๑๑๕๕ จนถึงทางแยกขวาขึ้นสู่ภูชี้ฟ้า หรือใช้บริการรถโดยสารประจำทางสายเชียงราย-เทิง ลงรถที่อำเภอเทิง จากนั้นเช่ารถขึ้นไปภูชี้ฟ้า  จากจุดจอดรถภูชี้ฟ้าจะต้องเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภู เส้นทางลาดชันทางเดินกว้างแต่ลื่น การเดินขึ้นยอดภูชี้ฟ้าในตอนเช้าควรระมัดระวัง  ยอดภูมีลักษณะเป็นหน้าผาสูงเมื่อขึ้นไปอยู่บนภูไม่ควรปีนป่ายบริเวณหน้าผาเพราะอาจจะตกหน้าผาลงไปยังฝั่งลาวเบื้องล่างได้ ถ้าตกลงก็อาจจะมีปัญหาเรื่องวีซ่าจะกลายเป็นเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
  ศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูงดอยผาหม่น
เป็นศูนย์ส่งเสริมการเพาะปลูกดอกไม้เมืองหนาว มีดอกไม้เมืองหนาวสวยๆ หลายชนิดมีทั้งปลูกในโรงเรือนและปลูกลงแปลงกลางแจ้ง  นอกจากดอกไม้เมืองหนาวสวยๆ แล้วภายในศูนย์เกษตรยังมีทัศนียภาพที่สวยงาม  ศูนย์เกษตรแห่งนี้เปิดให้ต้อนรับให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ  แต่การไปชมศูนย์เกษตรไม้เมืองหนาวแห่งนี้ต้องเข้าใจไว้อย่งหนึ่งว่าที่นี่เป็นศูนย์เกษตรปลูกพืชเพื่อการทดลองมิใช่ปลูกประดับไว้ให้นักท่องเที่ยวชม  จะให้สวยงามอย่างสวนดอยตุงนั้นไม่ได้ จะให้สวยเหมือนแปลงไม้ประดับที่อ่างขางไม่ได้  ที่นี่มีนักท่องเที่ยวผ่านมาแวะชมน้อยและไม่ได้เก็บค่าเข้าชม ดังนั้นจึงไม่มีงบประมาณที่จะปลูกให้สวยงามเหมือนที่อื่น  หากนักท่องเที่ยวไปในช่วงที่แปลงไม้ดอกกำลังออกดอกก็จะเห็นความสวยงาม หากไปในช่วงหลังฤดูเก็บเกี่ยวจะไม่สวยงาม  ดังนั้นหากใครจะแวะไปต้องทำใจเรื่องนี้ด้วย  สวยน่ะสวยแน่แต่ไม่เริดอย่างที่อยากจะเห็น  ที่บอกไว้เพราะบางท่านเห็นแล้วร้องยี้ แล้วบอกว่า มาทำไมเนี่ย สวยสู้ดอยตุงก็ไม่ได้  ศูนย์ฯ มีบ้านพักบริการนักท่องเที่ยว ๓ หลัง ราคา ๑,๒๐๐ บาท/หลัง พักได้หลังละ ๑๐–๑๕ คน ไม่มีร้านจำหน่ายอาหาร ต้องสั่งจองล่วงหน้า สอบถามข้อมูล โทร. ๐ ๕๓๗๖ ๗๐๖๖
การเดินทาง จากตัวภูชี้ฟ้าใช้เส้นทางลงทางอำเภอภูซาง ศูนย์เกษตรฯ อยู่ทางขวามือ ห่างจากภูชี้ฟ้าประมาณ 8 กิโลเมตร   หากขึ้นทางภูซาง ศูนย์เกษตรฯ จะอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงภูชี้ฟ้า

อำเภอพาน เชียงราย

สถานที่ท่องเที่ยวอำเภอพาน
พระธาตุจอมแว่
อยู่บนภูเขาจอมแว่ หมู่ที่ 2 ถนนจอมแว่ (สายเก่า) ตำบลเมืองพาน เป็นพระธาตุที่มีประชาชนชาวอำเภอพานและอำเภอใกล้เคียงนับถือกันว่าเป็นพระธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อถึงเดือน 9 ขึ้น 15 ค่ำ จะมีงานนมัสการองค์พระธาตุทุกปี
อุทยานแห่งชาติดอยหลวง
มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอแม่สรวย อำเภอพาน อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง และอำเภอแม่ใจ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา มีเนื้อที่ ๗๓๑,๒๕๐ ไร่ สภาพภูมิประเทศเป็นเขาสูง มีดอยหลวงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ประกอบด้วยป่าสน ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง และป่าเต็งรัง ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์มีความอุ้มน้ำสูง ทำให้ลำห้วยและน้ำตกในอุทยานฯ มีน้ำไหลตลอดปี อุทยานฯ ยังมีสัตว์ป่า เช่น หมี กวาง เก้ง เลียงผา และนกหลายชนิด เช่น นกเงือก นกพญาไฟพันธุ์เหนือ นกปีกลายสก๊อต นกกางเขนหัวขาวท้ายแดง นกศิวะปีกสีฟ้า และนกย้ายถิ่นหายาก เช่น นกกินปลีหางยาวคอสีฟ้า นกกินปลีหางยาวคอสีดำ เป็นต้น นอกจากความสมบูรณ์ของป่าที่ให้ความร่มรื่น ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ มี น้ำตกปูแกง สูง ๙ ชั้น เป็นน้ำตกที่มีต้นน้ำจากน้ำซับใต้ดิน มีตะกอนหินปูนปนมากับน้ำ ทำให้เกิดหินงอกหินย้อยดูสวยงาม และในยามค่ำคืนจะได้ยินเสียงน้ำตกไหลกระทบหิน อุทยานฯ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติน้ำตกปูแกง ระยะทาง ๑,๕๐๐ เมตร ตามเส้นทางจะมีป้ายสื่อความหมายตามจุดต่าง ๆ ที่จะให้ความรู้แก่นักเดินป่าได้ เส้นทางเดินไม่ลาดชัน เดินสบาย และนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักค้างแรม อุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์บริการ สอบถามราย
การเดินทาง ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (เชียงราย-พะเยา) ไป ๕๘ กิโลเมตร ถึงบ้านปูแกง บริเวณ กิโลเมตรที่ ๗๗๓ เลี้ยวขวาไปอีก ๙ กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ ละเอียด โทร. ๐ ๕๓๖๐ ๙๐๔๒

อำเภอเชียงแสน เชียงราย

สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอเชียงแสน

เชียงแสน เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ สำหรับในยุคประวัติศาสตร์เมืองเชียงแสนที่ถูกทิ้งร้างได้รับการสร้างเมืองขึ้นมาใหม่โดยพญาแสนภูแห่งราชวงค์มังรายในปี พ.ศ. 1870 และมีกษัตริย์ปกครองเรื่อยมา จนถึงเข้าสู่สมัยอาณาจักรล้านนาเชียงใหม่ซึ่งมีเชียงใหม่เป็นราชธานี เมืองเชียงแสนมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง พราะเจ้ากือนาซึ่งเป็นกษัตริย์เมืองเชียงใหม ก่อนที่จะขึ้นครองราชย์ก็เคยไปครองเมืองเชียงแสน  วันนี้กระผมนายกิ่วลมแห่งทัวร์ดอยจะพาทัวร์เมืองเชียงแสน    เมื่อเชียงแสนก็อยู่สงบสุขเรื่อยมาครั้นถึงคราวที่เชียงใหม่โดนบุเรงนองตีจนเสียเมืองให้พม่า เจ้านายฝ่ายเหนือก็ถอยมาตั้งหลักอยู่ที่เชียงแสน ครั้งเชียงแสนโดนตีแตกถูกพม่ายึดก็กลายเป็นที่ซ่องซุมกองกำลังของพม่า  ครั้งเมื่อกรุงรัตนโกสินทร์ยึดเชียงใหม่คืนจากพม่าได้สำเร็จพม่าก็หนีมาตั้งหลักที่เชียงแสน จนกระทั่งกองทัพจากกรุงรัตนโกสินทร์ยกมาตีเมืองเชียงแสนและส่งทหารพม่ากลับบ้านเก่าไปหมด นั่นล่ะเชียงแสนจึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสยามในที่สุด  เพราะความเป็นเมืองอย่างต่อเนื่องทำให้มีสมบัติที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้พวกเรานั่นคือศิลปะที่มีค่าและโบราณสถานมากมายในตัวเมืองเชียงแสน ปัจจุบันเมืองเชียงแสนยังซากกำแพงเมืองล้อมรอบอยู่ ภายในคูเมืองมีวัดเก่าแก่หลายวัดที่สร้างไว้เมื่อครั้งที่สร้างเมืองเชียงแสน นอกจากวัดเก่าแก่ให้นักท่องเที่ยวชมแล้ว เชียงแสนยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสและได้พักผ่อนนั่นคือทะเลสาบเชียงแสน และยังมีน้ำแม่น้ำโขงซึ่งหมาะสำหรับการนั่งเรือชมทัศนีภยภาพในแม่น้ำโขงอีกด้วย  เชียงแสนมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายขึ้นอยู่กับว่านักท่องเที่ยวจะหาพบหรือเปล่า ทั้งนี้เพราะว่านักท่องเที่ยวที่มาเชียงแสนจะมาเพียงผ่านไปเพื่อไปเที่ยวยังจุดอื่นโดยใช้เชียงแสนเป็นจุดพักค้างแรม ทุกวันนี้เชียงแสนเป็นเมืองท่า  มีเรือสำราญ และเรือเร็ววิ่งไป-กลับระหวางเมืองเชียงแสน - สิบสองปันนาจีน การเดินทางมาเชียงแสน   จากเชียงแสนใช้เส้นทางสาย 110 ตรงไปจนถึงแยกเข้าอำเภอแม่จันให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางหมายเลข  1016 ไปจนสุดเส้นก็ถึงเมืองเชียงแสน ขับตรงไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวเลย เพราะถ้าขับเลยไปก็ตกแม่น้ำโขงเพราะสุดถนนเป็นแม่น้ำโขง
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
วัดพระธาตุเจดีย์หลวง
เป็นธรรมเนียมของการสร้างเมืองจะต้องมีเจดีย์ประจำเมือง เจดีย์หลวงคือเจดีย์ประจำเมืองเชียงแสนที่สร้างขึ้นมาในช่วงต้นของการสร้างเมืองเชียงแสน การสร้างนั้นสร้างตามหลักการสร้างวัดตามโบราณคือ มีเจดีย์ประธานอยู่กลาง มีเจดีย์รายล้อมรอบทั้ง 4 มุม และมีพระอุโบสถอยู่ด้านทิศตะวันออกของเจดีย์ เจดีย์ประธานเป็นเจดีย์ทรงระฆังฐานสูงแปดเหลี่ยม เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดของเมืองเชียงแสน ทัวร์ดอยพานักท่องเที่ยวไปสถานที่นี้อยู่บ่อยๆ เจดีย์หลวงสร้างราวปี พ.ศ.1887  ต่อมามีสภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เจดีย์องค์ปัจจุบันที่อยู่ในสภาพดีนั้นเป็นเจดีย์ที่ก่อขึ้นมาใหม่บนฐานเดิมเมื่อปี พ.ศ. 2058
สถานที่ตั้งและการเดินทาง    วัดเจดีย์หลวงอยู่ในภายในกำแพงเมืองเชียงแสน จากสามแยกเชียงแสนริมแม่น้ำโขง เลี้ยวขวามาตามเส้นทางสาย 1016 ประมาณ 300 เมตรก็ถึง วัดเจดีย์หลวงอยู่ทางซ้ายมือ
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเชียงแสน
ตั้งอยู่ติดกับวัดเจดีย์หลวงทางด้านทิศตะวันตก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2500  เป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุที่ขุดพบในบริเวณเมืองเชียงแสนและพื้นที่ใกล้เคียง และจัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีเกี่ยวกับการตั้งชุมชน  นอกจากนี้ยังมีแบบจำลองการตั้งถิ่นฐานของชุมชนกลุ่มต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เชียงแสน ค่าธรรมเนียมเข้าชม ท่านละ 10 บาท 
เปิดทำการตั้งแต่เวลา  09.00 – 16.00  ทุกวัน  ยกเว้นวันจันทร์  อังคาร  และวันหยุดนักขัตฤกษ์
วัดพระธาตุจอมกิตติ
เป็นพระธาตุเก่าแก่ที่สร้างมาก่อนที่จะสร้างเมืองเชียงแสน ตำนานการสร้างยังสับสนเรื่อง พ.ศ.  พระธาตุองค์เดิมพระเจ้าพังคราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพื่อบรรจุพระธาตุ ( พระธาตุที่ได้รับมาพร้อมกับพระธาตุที่บรรจุที่พระธาตุดอยตุง และพระธาตุดอยจอมทอง ) สร้างเมื่อ พ.ศ. 1483  ต่อมาในสมัยเชียงแสนพระธาตุได้ทรุดโทรม เจ้าเมืองเชียงแสนจึงได้สร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2030 ซึ่งยังคงอยู่ถึงทุกวันนี้ แต่ว่าองค์พระธาตุเริ่มที่จะเอียงไปทางด้านทิศใต้แล้ว หวั่นว่าจะไม่คงไปอีกนาน องค์พระธาตุสร้างเป็นแบบทรงปราสาทยอดระฆัง หลังคารูปบัวคว่ำ ฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส ถัดขึ้นไปเป็นฐานปัทม์ย่อมุมเป็นเรือนธาตุ มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืนปูนปั้นทั้งสี่ด้าน
บริเวณทิศตะวันออกมีโบสถ์ศิลปะล้านนาที่สร้างขึ้นเมื่อไม่นาน รูปแบบการสร้างเป็นศิลปะที่สวยงามอยู่  ด้านหน้าโบสถ์เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขง
สถานที่ตั้งและการเดินทาง    พระธาตุจอมกิตติตั้งอยู่บนดอยจอมกิตติ อยู่บริเวณนอกกำแพงเมืองเชียงแสน   จากสามแยกเชียงแสนริมแม่น้ำโขง เลี้ยวขวามาตามเส้นทางสาย 1016 จนผ่านออกนอกกำแพงเมืองไปประมาณ 500 เมตรเจอแยกขวา เลี้ยวขวาไปตามถนนเส้นนี้จนกระทั่งเจอแยกซ้ายเข้าสู่บริเวณวัด  ถ้าไปไม่ถูกให้จอดรถถามคนแถวนั้น  จอดรถไว้ใต้ร่มไม้ในวัดแล้วเดินขึ้นทางบันไดนาคไม่ทันเหนื่อยมากก็ถึง
วัดป่าสัก
ตั้งติดกับกำแพงเมืองด้านนอกฝั่งทิศตะวันตก พื้นที่วัดมีบริเวณกว้างขวางวางขนานไปกับคูเมืองตั้งแต่ป้อมประตูเมืองเชียงแสน จนถึงป้อมประตูหนองมูต  ภายในวัดมีโบราณสถาน 7 แห่ง แต่ละแห่งล้วนเป็นฮิฐส่วนฐานของสิ่งปลูกสร้างกับแนวอิฐที่บ่งบอกแนวสิ่งก่อสร้างนั้นๆ มีอยู่สิ่งเดียวที่ยังคงสมบูรณ์ที่สุดคือเจีดย์ประธานทรงปราสาทยอดทรงระฆังแบบห้ายอด มีลวดลายปูนปั้นที่สวยงาม เจดีย์นี้สร้างโดยพญาแสนภู เมื่อ พ.ศ. 1883 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระพุทธโฆษาจารย์ได้อัญเชิญมาจากอินเดีย  หลังจากสร้างวัดแล้วได้ปลูกต้นสักล้อมรอบกำแพงจำนวน 300 ต้น จึงได้เรียกชื่อว่าวัดป่าสัก ค่าธรรมเนียมในการเข้าชม   ท่านละ 10 บาท
การเดินทาง จากตัวเมืองเชียงแสนใช้เส้นทางสาย 1016  จนกระทั่งออกนอกกำแพงเมืองให้เลี้ยวขวาก็ถึงแล้ว
วัดพระเจ้าล้านทอง
ตั้งอยู่กลางเมืองเชียงแสน เยื้องขึ้นมาจากวัดเจดีย์หลวงประมาณ 400 เมตร ด้านหน้าเป็นพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน ซึ่งเรียกว่า พระเจ้าล้านทอง วัดนี้ตามตำนานระบุว่าสร้างราว พ.ศ. 2032 โดยพระยาศรีรชฎเงินกอง พระโอรสของพระเจ้าติโลกราชกษัตริย์เชียงใหม่ เมื่อสร้างวัดขึ้นแล้วได้เททองหล่อพระประธานเป็นพระพุทธรูปสำริดหนัก 1,200 กิโลกรัม เรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่าพระเจ้าล้านทอง เป็นที่มาของชื่อวัดพระเจ้าล้านทอง  ปัจจุบันพระอุโบสถกำลังซ่อมแซมจึงยังไม่เห็นความงดงามและไม่สามารถเข้าไปในพระอุโบสถได้  ด้านหลังเป็นเจดีย์
ทะเลสาบเชียงแสน
ทะเลสาบเชียงแสนเป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเมืองเชียงแสนมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองเชียงแสน  ห่างจากตัวเมือง 4 กิโลเมตร มีชื่อเรียกท้องถิ่นว่า หนองบงคาย เป็นหนองน้ำธรรมชาติที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก   อ่านต่อ 
วัดพระธาตุผาเงา
ตั้งอยู่นอกเมืองเชียงแสนไปตามเส้นทางเลาะแม่น้ำโขงสายเชียงแสน - เชียงของ ห่างจากตัวเมืองเชียงแสน 4 กิโลเมตร  หากไปจากตัวเมืองเชียงแสน วัดพระธาตุผาเงาตั้งอยู่ทางด้านขวามือประมาณหลักกิโลเมตรที่ 48 และ 49 จุดเด่นของวัดพระธาตุผาเงาคือองค์พระธาตุผาเงาที่ตั้งประดิษฐานอยู่บนก้อนหินหลังพระอุโบสถ ลักษณะเดียวกับเจดีย์พระธาตุอินแขวนของพม่า  ด้านหน้าของพระธาตุเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถเป็นพระอุโบสถที่สร้างขึ้นใหม่แทนหลังเดิมที่เก่าพุพัง ในการสร้างได้ขุดพบพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะแบบเชียงแสนที่มีความงดงาม ปัจจุบันพระพุทธรูปดังกล่าวตั้งประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ วัดนี้ไม่มีบันทึกว่าสร้างเมื่อใดและใครเป็นผู้สร้าง  พระอุโบสถหลังใหม่ที่สร้างขึ้นมีลวดลายวิจิตรงดงามด้วยศิลปะแบบล้านนาเชียงแสนประยุกต์  ด้านหลังพระอุโบสถเป็นบรรไดนาคขึ้นไปสู่พระธาตุเก่าบนยอดเขาซึ่งตอนนี้เหลือแต่เพียงฐานศิลาแลง เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธ์ที่คนแถวนี้นับถือ ผมขึ้นไปทีไรเห็นมีคนท้องถิ่นแถวนี้เอาเครื่องถวายต่างๆ มาไหว้อยู่เป็นประจำ ชื่อพระธาตุอะไรจำไม่ได้แล้ว
วัดพระธาตุภูเข้าตั้งอยู่บนดอยเชียงเมี่ยง บริเวณสบรวก ห่างจากเชียงแสนผ่านไปทางสามเหลี่ยมทองคำประมาณ 11 กิโลเมตร สร้างประมาณปี พ.ศ. 1302  ในสมัยพระยาลาวเก้าแก้วมาเมือง กษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งแคว้นหิรัญนครเงินยาง ภายในวัดมีวิหารที่ตกแต่งด้วยลาดลายปูนปั้นที่สวยงาม ด้านหลังวิหารเป็นที่ตั้งของกลุ่มเจดีย์ที่เก่าทรุดโทรม แต่ยังคงหลงเหลือลวดลายปูนปั้นให้เห็น
วัดพระธาตุสองพี่น้องเชียงแสนมีวัดเยอะครับ วัดเล็กวัดน้อยล้วนเก่าแก่พุพังอยู่เป็นจำนวนมากเที่ยวกันไม่หมด  แต่วัดนี้อยู่บนเส้นทางผ่านที่จะไปเชียงของ  เลยจากวัดพระธาตุผาเงาไปประมาณ 1 กิโลเมตร ในวัดมีเจดีย์ประธานทรงปราสาท วัดนี้พญาแสนภูสร้างขึ้นก่อนสร้างเมืองเชียงแสน ปัจจุบันยังมีร่องรอยของกำแพงเมืองให้เห็น
พระบรมธาตุพุทธนิมิตรเจดีย์
เป็นเจดีย์สีขาวตั้งเด่นอยู่บนภูเขาลูกเตี้ยๆ ทางด้านทิศตะวันออกของตัวเมืองเชียงแสน  เจดีย์องค์ปัจจุบันเป็นพระธาตุองค์ใหม่ที่สร้างคล่อมพระธาตุองค์เดิม พระบรมธาตุพุทธนิมิตรเจดีย์ที่สร้างใหม่มีขนาดใหญ่ภายในเป็นห้องโถง กึ่งกลางเจดีย์เป็นฐานของพระธาตุเก่าที่พุพัง  บริเวณผาผนังเป็นภาพเขียนบอกเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติการสร้างเมืองเชียงแสน  บนเจดีย์นี้เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยงามมาก
พระอุโบสถหลังสวย
ตั้งอยู่บนยอดเขาลูกเดียวกับที่ตั้งพระบรมธาตุพุทธนิมิตรเจดีย์ แต่ตั้งอยู่ต่ำกว่า ห่างกันประมาณ 400 เมตร  เป็นโบถส์ที่สร้างใหม่เพิ่งแล้วเสร็จเมื่อไม่นานมานี้  มีลักษณะสวยงาม ภายนอกประดับด้วยลวดลายปูนปั้นที่วิจิตตระการตาตามรูปแบบของศิลปะแบบล้านนาเชียงแสน ภายในประดิษฐานพระประธานแบบเชียงแสน ปรางมารวิชัย ( พระเชียงแสน เป็นหนึ่งในพระพุทธรูป 3 สมัย ซึ่งประกอบด้วย เชียงแสน สุโชทัย  อู่ทอง )
สามเหลี่ยมทองคำ
เป็นจุดบรรจบกันของ 3 ประเทศ คือ ไทย ลาว พม่า ระหว่างลาว-พม่า มีแม่น้ำโขงกั้น  ระหว่างไทย-พม่า มีแม่น้ำรวกกั้น  จุดบรรจบกันของทั้งสามประเทศมีตะกอนทรายทับถามอยูกลางน้ำ จุดนี้เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยงาม วิวฝั่งลาวมีแต่ป่าไม่มีชุมชน  ฝั่งพม่ามีอาคารหลังใหญ่ซึ่งเป็นบ่อนคาสิโนที่นักลงทุนไทยไปทำไว้เพื่อความสร้างความเพลิดเพลินให้นักท่องเที่ยว  ฝั่งลาวถัดไปทางด้านท้ายน้ำมีเกาะของลาวเกาะหนึ่งชื่อว่าเกาะดอนซาว นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเที่ยวได้โดยเสียค่าขึ้นเกาะ 20 บาท บนเกาะเป็นแหล่งขายสินค้าปลอดภาษี ไม่น่าแวะขึ้นให้เสียเวลา   นับแต่ปีท่องเที่ยวนี้เป็นต้นไป ( 2548 ) สามเหลี่ยมทองคำมีจุดท่องเที่ยวเพิ่มจากเดิมคือมีการสร้างพระพูทธรูปองค์ใหญ่อยู่บนเรือนาวา และสร้างตุงทองขนาดใหญ่ และสร้างอีกหลายเชือก และมีอนุเสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายด้วย  นอกจากจุดนี้จะเป็นจุดชมวิวแล้วที่นี่ยังมีเรือหางยาวให้บริการพานักท่องเที่ยวนั่งเรือชมวิวสามประเทศ โดยเรือจะพาอ้อมเลาะฝั่งพม่า ขากลับเลาะริมฝั่งลาว แล้วพาวนไปชมวิวแถวเกาะดอนซาวของลาว สนใจติดต่อเรือให้บริการได้ที่ท่าเรือริมแม่น้ำโขง
หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ
หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ ตั้งอยู่ในพื้นที่ประมาณ 250 ไร่ ห่างจากอำเภอเชียงแสนประมาณ 10 กิโลเมตร ตัวอาคารล้อมรอบด้วยสวนอันสวยงาม เป็นศูนย์นิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของฝิ่นเมื่อสมัยที่มีการใช้กันอย่างถูกกฏหมายและผลกระทบของการเสพติดฝิ่น อีกทั้งยังทำหน้าที่ศูนย์ข้อมูลเพื่อการค้นคว้าวิจัยและการศึกษาต่อเนื่องในหัวข้อฝิ่น สารสกัดจากฝิ่นในรูปแบบต่างๆและยาเสพติดอื่นๆ
หอฝิ่นเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ระหว่างเวลา 08.30-16.00 น. ค่าเข้าชมบุคคลทั่วไป ต่างชาติ 300 บาท คนไทย 200 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 50 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 50 บาท (เฉพาะคนไทย)เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ฟรี

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

รวบรวมอำเภอน่าเที่ยวเชียงราย

รวบรวมที่ท่องเที่ยวเชียงราย
เชียงราย เป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนขนาบทั้งด้านฝั่งตะวันออกเและฝั่งตะวันตก โดยมีที่ราบอยู่ตรงกลางเริ่มจากเหนือสุดไล่ลมาจนถึงจังหวัดพะเยา   เทือกเขาฝั่งตะวันตกมี สถานที่ท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงคือ ดอยแม่สลอง ดอยตุง  เทือกเขาฝั่งตะวันออก  สถานที่ท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงคือ ภูชี้ฟ้า  เชียงรายเป็นจุดแรกที่แม่น้ำโขงไหลเข้ามายังดินแดนของประเทศไทยคือที่สามเหลี่ยมทองคำ อ. เชียงแสน และไหลออกจากประเทศไทยอีกครั้งในจังหวัดเชียงราย ที่อำเภอ เวียงแก่น  การมาของ แม่น้ำโขงเป็นที่มาของ สถานที่ท่องเที่ยว คือ สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นจุดบรรจบกัน 3 ประเทศคือไทย ลาว พม่า ปัจจุบันเป็น แหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสใจที่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจไปเที่ยวกันมาก  ที่อำเภอ เชียงแสน มี สถานที่ท่องเที่ยว ทางโบราณสถานมากมาย และมี ทะเลสาบเชียงแสน เป็น สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และ เป็นแหล่งดูนก ที่น่าสนใจ นอกจากนี้ เชียงรายยังมีแหล่งชอปปิ้งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจกันมากคือ แม่สาย เป็น จุดเหนือสุดแดนสยาม ข้ามฝั่งพม่าไปก็จะเป็นแหล่งชอปปิ้งที่คนไทยชอบข้ามไปเที่ยวคือ ตลาดท่าขี้เหล็ก  นอกจากนี้เชียงรายยังมี Unseen คือ พระขี่ม้าบิณบาต ข้อมูลทั่วไปของจังหวัด เชียงราย มีพื้นที่ทั้งหมด 11,678  ตารางกิโลเมตร   แบ่งการปกครองเป็น 16 อำเภอ และอีก 2 กิ่งอำเภอ ได้แก่  อ. เมือง  อ.แม่สาย  อ.เชียงแสน  อ.เชียงของ  อ. เวียงป่าเป้า  อ. เทิง  อ. เวียงแก่น  อ. ป่าแดด  อ.พาน  อ.แม่สรวย   อ.เวียงชัย  อ.แม่จัน   อ.พญาเม็งราย   อ.ขุนตาล   อ.แม่ฟ้าหลวง  อ.แม่ลาว   กิ่ง อ. เวียงเชียงรุ้ง  และกิ่ง อ. ดอยหลวง

สถานที่ท่องเที่ยวเชียงราย  แยกตามอำเภอ หรือเส้นทางท่องเที่ยวสายหลัก

อำเภอเมือง และใกล้เคียง 011.1  วัดพระแก้ว เชียงราย
1.2  วัดพระสิงห์ เชียงราย
1.3 
อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช
1.4 
น้ำตกห้วยแก้ว
1.5 
วัดพระธาตุดอยจอมทอง
1.6  วัดงำเมือง
1.7  วัดกลางเวียง
1.8  วัดร่องขุ่น
ข้อมูลท่องเที่ยว 
คลิกที่นี่
--------------------------------------อำเภอแม่ฟ้าหลวง  022.1  พระตำหนักดอยตุง
2.2  สวนแม่ฟ้าหลวง
2.3  เที่ยวสวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง
2.4 
พระธาตุดอยตุง
2.5  ดอยแม่สลอง
2.6  พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินฯ
2.7  ทุ่งบัวตองดอยหัวแม่คำ
2.8  หมู่บ้านชาวอาข่าหล่อชา

ข้อมูลท่องเที่ยว  คลิกที่นี่
อำเภอแม่จัน 033.1  วัดถ้ำป่าอาชาทอง
3.3 
ไร่ชาแม่จัน
3.4 
ลานทองวิลเลจข้อมูลท่องเที่ยว  คลิกที่นี่ รีสอร์ท บ้านเคียงฟ้า
-------------------------------------อำเภอแม่สรวย 04
4.1  ดอยช้าง
4.2  ป่าซะกุระดอยช้าง 5แสนต้น
4.3  เขื่อนแม่สรวย วิวสวยมาก
4.4  วัดพระเจ้าทองทิพย์

---------------------------------อำเภอพาน 055.1  อุทยานแห่งชาติดอยหลวง
5.2  พระธาตุจอมแว่
ข้อมูลท่องเที่ยว  คลิกที่นี่
อำเภอแม่สาย 066.1  แม่สาย
6.2  วัดพระธาตุดอยเวา
6.3  สามเหลี่ยมทองคำ
6.4  พระเจ้าสี่แผ่นดิน
6.5  ตุงทองเฉลิมพระเกียริต
6.6 
ล่องเรือแม่น้ำโขงข้อมูลท่องเที่ยว  คลิกที่นี่ --------------------------------อำเภอเทิง 077.1  ภูชี้ฟ้า
7.2  ดอยผาหม่น
ข้อมูลท่องเที่ยว  คลิกที่นี่ ---------------------------------อำเภอเวียงแก่น 088.1  ดอยผ้าตั้ง
8.2  หมู่บ้านจีนยูนานดอยผาตั้ง
อำเภอเชียงแสน 099.1   ทะเลสาบเชียงแสน
9.2   วัดพระธาตุผาเงา
9.3   วัดพระธาตุเจดีย์หลวง
9.4   พิพิธภัณฑ์ฯชียงแสน
9.5   วัดพระธาตุจอมกิตติ
9.6   วัดป่าสัก
9.6   วัดพระเจ้าล้านทอง
9.7   วัดพระธาตุภูเข้า
9.8   วัดพระธาตุสองพี่น้อง
9.9   พระบรมธาตุพุทธนิมิตรเจดีย์
9.10 พระอุโบสถสวย
9.11 สามเหลี่ยมทองคำ
9.12
หอฝิ่นข้อมูลท่องเที่ยว  คลิกที่นี่

วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

"หอคำ" changlay

เชียงราย

  ไร่แม่ฟ้าหลวง

          ไร่แม่ฟ้าหลวง อยู่บริเวณพื้นราบทางตะวันตกของตัวเมืองเชียงราย ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่อบรมเยาวชนชาวเขาจากหมู่บ้านต่างๆ ในภาคเหนือ ปัจจุบันเป็นอุทยานศิลปะและวัฒนธรรมอันรื่นรมย์ด้วยหมู่ไม้นานาพรรณ ในพื้นที่ 150 ไร่ เหมาะสำหรับผู้แสวงหาความสงบเงียบและแรงบันดาลใจอันเกิดจากธรรมชาติ และศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น สถานที่น่าสนใจในไร่แม่ฟ้าหลวง ประกอบด้วย…

         สถาปัตยกรรมล้านนาซึ่งมีหลังคามุงด้วยแผ่นไม้สัก ชาวเชียงรายร่วมกันสร้างเพื่อ "ไหว้สาแม่ฟ้าหลวง" ถวายเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา เมื่อปี พ.ศ. 2527 อันเป็นฝีมือช่างไม้พื้นบ้านในจังหวัดเชียงรายและแพร่ ภายในหอคำเป็นที่เก็บรวบรวมศิลปวัตถุและงานพุทธศิลป์ มีทั้งพระพุทธรูปแบบล้านนา พม่า และเครื่องไม้แกะสลักที่ในในการพระศาสนา เช่น สัตภัณฑ์ (เชิงเทียนไม้เก่าแก่) ตุงกระด้าง(ตุงหรือธงไม้) ฯลฯ โดยในหอคำมีพระพุทธรูปองค์สำคัญในหอคำ คือ พระเจ้าพร้าโต้ ซึ่งมีจารึกว่าสร้างในปี พ.ศ. 2236 โดยชาวบ้านซึ่งเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่และยังไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสมในการสลักเสลาพระพุทธรูปไม้ให้ประณีต จึงใช้เพียงมีดโต้เป็นเครื่องมือแกะสลักพระพุทธรูปมีลักษณะแข็งแรงและสง่างาม

          "หอคำน้อย" อาคารศิลาแลงหลังคาเป็นเกล็ดไม้สัก ที่เก็บภาพจิตรกรรมฝาผนังเขียนด้วยสีฝุ่นบนกระดานไม้สัก สันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในช่วงต้นรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยช่างเขียนชาวไทยลื้อ ภาพแสดงให้เห็นถึงความเป็นอยู่ การแต่งกาย และวัฒนธรรมล้านนาเมื่อกว่าร้อยปีมาแล้ว 

          "หอแก้ว" ซึ่งมีพื้นที่แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งใช้เป็นที่ทำกิจกรรม เช่น การประชุมสัมมนา จัดเลี้ยง ฯลฯ มีระเบียงยื่นลงไปในสระน้ำกว้างใหญ่ เหมาะแก่การสังสรรค์อันรื่นรมย์ และปลอดโปร่งใจอีกส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการ ทั้งนิทรรศการหมุนเวียน และนิทรรศการถาวร นิทรรศการถาวรเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับไม้สัก ทั้งในด้านพฤกษศาสตร์ และในด้านเป็นวัสดุอันเลื่องชื่อสำหรับสร้างสรรค์งานศิลปะ 

          ไร่แม่ฟ้าหลวงเปิดทุกวันเวลา 08.00-18.00 น. (ยกเว้นวันจันทร์) ค่าเข้าชมคนไทย 150 บาท ต่างชาติ 200 บาท ทั้งนี้ ใครที่สนใจอยากไปชมความงามของไร่แม่ฟ้าหลวง ก็สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 5371 1968 โทรสาร 0 5371 2429 หรือ www.maefahluang.org
เชียงราย

 พิพิธภัณฑ์อูบคำ

          ศูนย์อนุรักษ์มรดกอันล้ำค่าของอาณาจักรล้านนาโบราณ และความหลากหลายของเสื้อผ้า และอาภรณ์ของชนชาติไตเผ่าต่างๆ ในอาณาจักรล้านนา และด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะอนุรักษ์ความเป็นมาอันยิ่งใหญ่ของชาวล้านนา ทำให้ อาจารย์จุลศักดิ์ สุริยะไชย ได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์อูบคำขึ้นมาด้วยแรงกาย แรงใจ และทุนทรัพย์ เพื่อเป็นศูนย์อนุรักษ์มรดกล้ำค่าของอานาจักรล้านนาโบราณ เก็บของมีค่าสมัยล้านนาที่กระจายอยู่ในที่ต่างๆ ให้คืนกลับสู่แผ่นดินไทย และเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาถึงความเป็นมาของบรรพบุรุษต่อไปในอนาคต เช่น เครื่องใช้ในราชสำนักล้านนา เครื่องใช้ในราชสำนักคุ้มเจ้าต่างๆ ในล้านนา ผ้าโบราณอายุ 200 ปี พระพุทธรูป และบัลลังค์ของเจ้าฟ้าในสมัยโบราณที่สมบูรณ์ที่สุดอีกด้วย ฯลฯ

          โดยคำว่า อูบคำ เป็นชื่อที่มาจากอูบทองคำที่อาจารย์จุลศักดิ์ได้รับเป็นมรดกตกทอดจากบิดา ซึ่งสืบเชื้อสายจากพระยาสุลวฤาชัย (หนานทิพย์ช้าง) เจ้านครลำปาง (พ.ศ. 2275-2301) และใช้ชื่อดังกล่าวต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน 

          สำหรับพิพิธภัณฑ์อูบคำ เปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 18.00 น. อัตราค่าเข้าชม คนไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท 

          แหม...รู้จักจังหวัดเชียงรายกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ใครที่อยากหลีกหนีความวุ่นวาย และไปสัมผัสชีวิตเรียบง่าย "จังหวัดเชียงราย" คงเป็นคำตอบสุดท้ายที่ดีที่สุดนะคะ

 การเดินทาง 

          ทางรถยนต์

          สามารถเดินทางเป็นวงรอบได้โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 11 จากอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ผ่านตากฟ้า-วังทอง-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 103 ไปอำเภองาว แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านพะเยาไปจังหวัดเชียงราย รวมระยะทางประมาณ 785 กิโลเมตร 

          ขากลับใช้เส้นทางสายใหม่จากเชียงราย ผ่านอำเภอแม่สรวย-เวียงป่าเป้า-แม่ขะจาน-ดอยสะเก็ด มาเชียงใหม่ ทิวทัศน์สองข้างทางเป็นป่าเขาสวยงาม เมื่อเดินทางมาถึงเชียงใหม่แล้วจะมีทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านลำพูน มาลำปาง บรรจบกับทางหลวงหมายเลข 1 เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ ได้

          ทางรถโดยสารประจำทาง

          มีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ บริษัทขนส่ง จำกัด โทร. 0 2936 3670 และบริษัทเอกชนออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) ถนนกำแพงเพชร 2 ไปเชียงรายทุกวัน สอบถามรายละเอียดที่สถานที่ขนส่งสายเหนือ โทร. 0 2936 2852-66 หรือ
www.transport.co.th สถานีขนส่งจังหวัดเชียงราย โทร. 0 5371 1224

          ทางรถไฟ

          จากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ มีรถไฟไปลงที่จังหวัดลำปางหรือเชียงใหม่ แล้วเดินทางต่อไปโดยรถยนต์หรือรถโดยสารประจำทางไปจังหวัดเชียงราย สอบถามรายละเอียดได้ที่หน่วยบริการเดินทางสถานีรถไฟ กรุงเทพฯ โทร 0 2220 4334, 0 2220 4444 สำรองที่นั่งล่วงหน้า 3 วันขึ้นไป แต่ไม่เกิน 60 คน หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.railway.co.th/ 

          ทางเครื่องบิน

          มีเที่ยวบินตรงจากรุงเทพฯ – เชียงราย ทุกวัน สอบถามรายละเอียดได้ที่...

          - การบินไทย โทร. 0 2628 2000, 0 5371 1179, 1566 หรือ
www.thaiairways.com 
          - แอร์ เอเชีย โทร. 0 2515 9999, 0 5379 8275-6 หรือ
www.airasia.com 
          - โอเรียนท์ไทย แอร์ไลน์ โทร. 0 2267 2999, 0 5379 3555, 1126 หรือ
www.orient.thai.com

เมือง แก่ง สำคัญเชียงราย

เราไปต่อกันเรยยยยยยยยยยยยยย
เชียงราย

 ไร่แม่จันแวลเล่ย์

          ตั้งอยู่บนดอยแม่สลอง มีเนื้อที่ประมาณ 1,300 ไร่ แบ่งออกเป็น ไร่องุ่นและโรงงานผลิตไวน์ ไร่ชาและโรงงานผลิตชาอู่หลง โรงงานเจียระไนยพลอย นาข้าว แปลงเพาะชำปลูกผักผลไม้ และห้องพักบริการนักท่องเที่ยวที่มีชื่อเรียกว่า "ดอยห่มฟ้ารีสอร์ท" สำหรับโรงงานผลิตไวน์ของไร่แม่จันแวลเล่ย์ เรียกได้ว่าเป็นโรงงานผลิตไวน์องุ่นแห่งเดียวในภาคเหนือที่รับมาตรฐานจากสมาคมผู้ประกอบการไวน์ไทย ในส่วนของการปลูกชาของไร่แม่จันแวลเล่ย์ จะเน้นที่ชาอู่หลงเป็นหลัก และมีพื้นที่ในการปลูกชา 100 ไร่ อีกทั้งยังส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน จีน ฯลฯ 

          ไร่แม่จันแวลเล่ย์มีทัศนียภาพที่สวยงาม เพราะตั้งอยู่บนยอดดอยสูง อีกทั้งยังปลูกองุ่น ปลูกชา ลดหลั่นเรียงรายตามแนวเขาแบบขั้นบันได กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ที่สำคัญมีอ่างเก็บน้ำแม่เปินไหลผ่านสร้างความเย็นฉ่ำ และการที่จะเข้าชมไร่แม่จันแวลเล่ย์จะต้องนั่งเรือแพลำเล็กๆ ที่ทางไร่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมานำส่งนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างบรรยากาศให้เข้ากับความงามของธรรมชาติ สำหรับผู้ที่สนใจอยากไปสัมผัสความงามของไร่แม่จันแวลเล่ย์ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 5391 4999

เชียงราย

 กลุ่มแกะสลักไม้พื้นบ้านและบ้านช้างลีลา 108

          สัมผัสความสวยงามของศิลปะหัตถกรรมพื้นบ้าน โดยกลุ่มสล่า (ช่าง) แกะสลักไม้พื้นบ้านของจังหวัดเชียงราย ที่ตำบลท่าสุด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งแกะสลักไม้ด้วยมือ และใช้มีดเหลาไม้ขนาดเล็กๆ ในการแกะสลัก มีผลงานการแกะสลักที่หลากหลายมากมาย เช่น  ไม้สักแกะสลักรูปช้าง ไม้สักแกะสลักรูปพระพุทธรูป ไม้สักแกะสลัก 12 ราศี ไม้สักแกะสลักวิถีชีวิตของผู้คน ฯลฯ ซึ่งเน้นนำวัสดุธรรมชาติมาสร้างสรรค์ผลงาน นอกจากนี้ยังมีการแกะสลักไม้ให้เคลื่อนไหวเสมือนมีชีวิตจริง โดยการนำเอานวัตกรรมสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากัน ซึ่งผลงานการแกะสลักจะเป็นชิ้นเล็กๆ ที่ละเอียด ปราณีต สวยงาม 

          กลุ่มแกะสลักไม้พื้นบ้านในครัวเรือนบ้านถ้ำผาตอง เป็นกลุ่มช่างแกะสลักที่ได้รับการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากช่างฝีมือพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และที่สามารถจัดทำกันเป็นกลุ่มอย่างเป็นกิจจะลักษณะมีความเข้มแข็งเติบโตได้ เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2527 โดย "สล่าคำจันทร์ ยาโน" พร้อมได้ชวนเพื่อนอีก 2 คน คือ "สล่าสุวรรณ สามสี" และ "สล่าจิ๊ก" มาร่วมกันทำงานแกะสลักเพื่อส่งไปจำหน่าย จนฝีมือการแกะสลักเป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงได้ชักชวนเพื่อนคนอื่นและเยาวชนที่สนใจมาฝึกสอนฝึกหัด นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานกันเป็นกลุ่ม 

          สำหรับใครที่ต้องการไปชม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่กลุ่มแกะสลักไม้พื้นบ้าน (บ้านถ้ำผาตอง) โทร. 0-5378-7233, 08-1602-4775, 08-1784-8103 และ บ้านช้างลีลา โทร. 0-5378-7237, 08-1883-5491
เชียงราย

 ตลาดไนท์บาซาร์เชียงราย

          ตั้งอยู่ถนนพหลโยธิน บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงราย เป็นที่จำหน่ายของพื้นเมือง ของที่ระลึก และของฝาก จากฝีมือชาวเชียงรายและชาวเขาเผ่าต่างๆ มีทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า ตุ๊กตาชาวเขา งาน Handmade หลากแบบหลายสไตล์ อีกทั้งยังมีการจำหน่ายของตกแต่งบ้านที่ทำจากไม้ สินค้าหัตถกรรม (หรือสินค้าทำมือ) ต่างๆ เช่น ไม้แกะสลัก ภาพวาด ฯลฯ ใครที่อยากเพลินเพลินกับแสงสีของเมืองเชียงรายในยามค่ำคืน ก็อย่าลืมไปเดินเล่นกินลมชมของสวยได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.30 น. - 23.00 น.


 ล่องเรือแม่น้ำกก ชมหมู่บ้านกะเหรี่ยง

          ใครที่ชอบชมธรรมชาติและความชุ่มฉ่ำของสายน้ำไม่ควรพลาด กับการไปล่องเรือในแม่น้ำกก แม่น้ำที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงราย เพราะตลอดสองฟากฝั่งของแม่น้ำกกจะเป็นป่าเขาที่สวยงามตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถแวะชมวิถีชีวิตหมู่บ้านชาวเขาต่างๆ เช่น อีก้อ ลีซอ กะเหรี่ยง หรือจะแวะปางช้างให้อาหารและนั่งช้างเที่ยวป่ารอบบริเวณนั้นก็ได้

ดอยสูงเมืองสวย เชียงราย

วันนี้เปนอีกวันหนึ่งที่เราจะพาท่านเยี่มชมเชียงราย  และจะสวยงามเหมือนเดิมไหม ไปดูกัน
เชียงราย

เรียบเรียงและภาพประกอบโดยกระปุกดอทคอม

          เหนือสุดแดนสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง…นี่คือคำขวัญของจังหวัดเล็กๆ ที่หลบซ่อนสายตาผู้คนอยู่ในทิวเขา ที่รายล้อมโอบอุ้มความเขียวขจีของทรัพยากรทางธรรมชาติไว้ได้อย่างมิดชิด ใช่แล้วค่ะ...เรากำลังพูดถึง "จังหวัดเชียงราย" จังหวัดที่มีเส้นทางสายยาวที่สลับซับซ้อน ทอดตัวผ่านขุนเขาสูงเสียดฟ้า มีความงามตระการตาของสายหมอกสีขาวจาง มีดอกไม้ที่บานสะพรั่ง และมีขนบธรรมเนียมประเพณีแบบล้านนาที่งดงาม 

          นั้นแน่! เริ่มอยากไปสัมผัสความงามของเมืองแห่งขุนเขาแล้วใช่ไหมล่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมจะแบกเป้บินลัดฟ้าพาไปสำรวจจังหวัดเชียงรายกันค่ะ...ใครที่ชอบธรรมชาติ รักการผจญภัย อยากสูดอากาศบริสุทธิ์ และสัมผัสสายลมหนาว ก็ตามเข้ามาเลย...

          จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย ติดกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสหภาพพม่า ห่างจากเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร 829 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 11,678 ตารางกิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1805 โดย "พ่อขุนเม็งราย" ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา และยังคงมีกลิ่นอาย ร่องรอย ของซากเมืองที่มีความเจริญทางวัฒนธรรมและศิลปะในอดีต อยู่ตามริมแม่น้ำกก แม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านเมือง 

          สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจังหวัดเชียงราย มีมากมายให้ไปสัมผัสและเยี่ยมเยือน ไม่ว่าจะเป็น...

เชียงราย

 วัดพระธาตุผาเงา

          วัดพระธาตุผาเงา ตั้งอยู่ในอำเภอเชียงแสน บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่มาของวัดมาจากชื่อของพระธาตุผาเงา (ทรงระฆัง) ที่ตั้งอยู่บนยอดหินก้อนใหญ่ ข้างหลังวัดเป็นที่ตั้งของพระบรมพุทธนิมิตรเจดีย์ และเป็นจุดชมวิววที่สวยงาม สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทั้ง 2 ประเทศ คือประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่ห่างจากอำเภอเชียงแสนไปตามเส้นทางเชียงแสน - เชียงของ ประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ตรงข้ามโรงเรียนสบคำ

เชียงราย

 วัดพระธาตุดอยเวา

          พระธาตุดอยเวา เป็นปูชนียสถานอันเก่าแก่ ตั้งอยู่บนดอยริมฝั่งแม่น้ำแม่สาย ห่างจากชายแดนไทยพม่าเพียง 500 เมตร ถูกสร้างขึ้นเมื่อพุทธศักราช 296 โดยขุนควักเวาหรือพระองค์เวา กษัตริย์องค์ที่ 10 แห่งนครนาคพันธุ์ (เชียงแสนโบราณ) สร้างพระเจดีย์บรรจุพระเกศาธาตุไว้บนดอยนี้ จึงเรียกพระธาตุดอยเวาตามพระนามของผู้สร้าง นับเป็นพระบรมธาตุที่เก่าแก่องค์หนึ่งรองมาจากพระบรมธาตุดอยตุง 

          นอกจากนี้ บนยอดดอยเวายังเป็นจุดที่สามารถชมทิวทัศน์ของอำเภอแม่สาย และท่าขี้เหล็กทางฝั่งพม่าได้อย่างชัดเจน และมีอนุสาวรีย์พระเรศวรมหาราชให้สักการะบูชา ทั้งนี้ เวา ในภาษาล้านนาแปลว่า แมงป่องช้าง ดังนั้นตรงจุดชมวิวจึงมีรูปปั้นแมงป่องยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่เป็นสัญลักษณ์ของพระธาตุดอยเวาอีกด้วย

เชียงราย

 พระธาตุดอยตุง

          พระธาตุดอยตุงตั้งอยู่บนดอยตุง บริเวณกิโลเมตรที่ 17.5 ของทางหลวงหมายเลข 1149 เป็นที่บรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้า นำมาจากมัธยมประเทศ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ได้มาประดิษฐานที่ล้านนาไทย เมื่อก่อสร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนี้ ได้ทำธงตะขาบ (ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า ตุง) ใหญ่ยาวถึงพันวา ปักไว้บนยอดดอย ถ้าหากปลายธงปลิวไปไกลถึงเมืองไหน ก็จะกำหนดเป็นฐานพระสถูป เหตุนี้ดอยซึ่งเป็นที่ประดิษฐานปฐมเจดีย์แห่งล้านนาไทย จึงปรากฏนามว่า "ดอยตุง" 

          พระธาตุดอยตุงเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ เมื่อถึงเทศกาลนมัสการพระธาตุดอยตุงในวันเพ็ญเดือน 3 จะมีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและเพื่อนบ้านจากประเทศใกล้เคียง เช่น ชาวเชียงตุงในรัฐฉาน ประเทศสหภาพพม่า ชาวหลวงพระบาง เวียงจันทน์ เดินทางเข้ามานมัสการทุกปี พระธาตุดอยตุงถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีกุน ที่นิยมมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

วัดร่องขุน เชียงราย

วันนี้เราจะพาท่านไปชมวัดที่สวยงามที่สุดในจังหวัดเชียงรายกัล ลองไปดุสิว่าจะเป็นวัดอะไรและสวยงามแบบไหนไปดูกัลเลย  จร้า   
 
 สถานที่ท่องเที่ยวท่องเที่ยวท่องเที่ยว
 วัดร่องขุ่น 
ท่องเที่ยว
วัดร่องขุ่น เป็นวัดที่มีความสวยงามโดดเด่นต่างจากวัดอื่นๆ ด้วยฝีมือการออกแบบ และก่อสร้างของ อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดัง เพื่อเป็นวัดประจำบ้านเกิด สร้างโดยจินตนาการของอาจารย์ จัดเป็นงานพุทธศิลป์ที่ยิ่งใหญ่ และงดงามน่าแวะชมมากแห่งหนึ่ง
อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ มีแรงบันดาลใจในการสร้างวัดแห่งนี้อยู่ 3 ประการ คือ เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งอาจารย์บอกว่า
จึงตั้งความปรารถนาที่จะถวายชีวิต ใช้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตนเอง สร้างงานพุทธศิลป์ เพื่อเป็นงานประจำรัชกาลของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ได้ และจะถวายชีวิตไปจนตายคาวัด" (จากเอกสารของวัดร่องขุ่น) ความงดงามของวัดแห่งนี้อยู่ที่ "โบสถ์" เพราะอาจารย์อยากจะเนรมิตวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ เป็นวิมานบนดินที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้ โบสถ์ เปรียบเหมือนบ้านของพระพุทธเจ้า สีขาว แทนพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า กระจกขาว หมายถึง พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายไปทั่วโลกมนุษย์ และจักรวาล
สะพาน หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ก่อนขึ้นสะพานครึ่งวงกลมเล็ก หมายถึง โลกมนุษย์ วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามารหรือพระราหู หมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์ ผู้ที่จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตให้ผ่องใสก่อนที่จะเดินผ่านขึ้นไปพบกับพระราหูอยู่เบื้องซ้าย และพญามัจจุราชอยู่เบื้องขวา บนสันของสะพานจะประกอบไปด้วยอสูรกลืนกัน 16 ตน ข้างละ 8 ตน หมายถึง อุปกิเลส 16 จากนั้นก็จะถึงกึ่งกลางสะพานหมายถึง เขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเทวดา ด้านล่างเป็นสระน้ำหมายถึง สีทันดรมหาสมุทร มีสวรรค์ตั้งอยู่ด้วยกัน 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์ 6 เดินลงไปสู่พรหม 16 ชั้น แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 16 ดอกรอบพระอุโบสถ ดอกที่ใหญ่สุด 4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์หมายถึง ซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ ประกอบด้วยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เป็นสงฆ์สาวกที่ควรกราบไหว้บูชา
ก่อนขึ้นบันได ครึ่งวงกลมหมายถึง โลกุตตรปัญญา บันไดทางขึ้น 3 ขั้นแทน อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ผ่านแล้วจึ้งขึ้นไปสู่อรูปพรหม 4 แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 4 ดอกและบานประตู 4 บาน บานสุดท้ายเป็นกระจกสามเหลี่ยมแทนความว่าง ซึ่งหมายถึงความหลุดพ้น แล้วจึงก้าวข้ามธรณีประตูเข้าสู่พุทธภูมิ
ภายในประกอบด้วยภาพเขียนโทนสีทองทั้งหมด ผนัง 4 ด้าน เพดานและพื้นล้วนเป็นภาพเขียนที่แสดงถึงการหลุดพ้นจากกิเลสมาร มุ่งเข้าสู่โลกุตตรธรรม ส่วนบนของหลังคาโบสถ์ ได้นำหลักการของการปฏิบัติจิต 3 ข้อ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นำไปสู่ความว่างคือความหลุดพ้นนั่นเอง
นี่เป็นเพียงรายละเอียดคร่าวๆ ของโบสถ์ของวัดร่องขุ่น ส่วนรายละเอียดจริงๆ นั้น อาจารย์บอกว่าจะสร้างทั้งหมด 9 หลัง แต่ละหลังมีความหมายเป็นคติธรรมทุกหลัง ผมหวังจะสร้างงานพุทธศิลป์ของแผ่นดินให้ยิ่งใหญ่อลังการ เพื่อให้คนทั้งโลกยอมรับ และปรารถนาจะมาชื่นชมให้ได้ จะถวายชีวิตสร้างจนลมหายใจสุดท้าย และได้สร้างลูกศิษย์รอรับช่วงต่ออีก 2 รุ่น หลังผมตาย คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้ง 9 หลัง คงใช้เวลาทั้งหมด 60-70 ปีครับ"
นอกจากจะชมความงดงามของพระอุโบสถแล้ว ยังสามารถเข้าชมผลงานของอาจารย์ และเลือกซื้อของที่ระลึกจากวัดร่องขุ่นได้อีกด้วย