สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอแม่ฟ้าหลวง
| ||||||||||||||||||
|
วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556
อำเภอแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
อำเภอแม่สาย เชียงราย
สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอแม่สาย | ||||||||||||||
|
อำเภอเทิง เชียงราย
สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอเทิง | ||||
|
การเดินทาง อยู่ห่างจากเชียงราย ๑๑๑ กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข ๑๐๒๐ เข้าสู่อำเภอเทิง จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข ๑๑๕๕ จนถึงทางแยกขวาขึ้นสู่ภูชี้ฟ้า หรือใช้บริการรถโดยสารประจำทางสายเชียงราย-เทิง ลงรถที่อำเภอเทิง จากนั้นเช่ารถขึ้นไปภูชี้ฟ้า จากจุดจอดรถภูชี้ฟ้าจะต้องเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภู เส้นทางลาดชันทางเดินกว้างแต่ลื่น การเดินขึ้นยอดภูชี้ฟ้าในตอนเช้าควรระมัดระวัง ยอดภูมีลักษณะเป็นหน้าผาสูงเมื่อขึ้นไปอยู่บนภูไม่ควรปีนป่ายบริเวณหน้าผาเพราะอาจจะตกหน้าผาลงไปยังฝั่งลาวเบื้องล่างได้ ถ้าตกลงก็อาจจะมีปัญหาเรื่องวีซ่าจะกลายเป็นเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

การเดินทาง จากตัวภูชี้ฟ้าใช้เส้นทางลงทางอำเภอภูซาง ศูนย์เกษตรฯ อยู่ทางขวามือ ห่างจากภูชี้ฟ้าประมาณ 8 กิโลเมตร หากขึ้นทางภูซาง ศูนย์เกษตรฯ จะอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงภูชี้ฟ้า
อำเภอพาน เชียงราย
สถานที่ท่องเที่ยวอำเภอพาน
| ||||||||||
| ||||||||||
อำเภอเชียงแสน เชียงราย
สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอเชียงแสน | ||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||
|
วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556
รวบรวมอำเภอน่าเที่ยวเชียงราย
รวบรวมที่ท่องเที่ยวเชียงราย
เชียงราย เป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนขนาบทั้งด้านฝั่งตะวันออกเและฝั่งตะวันตก โดยมีที่ราบอยู่ตรงกลางเริ่มจากเหนือสุดไล่ลมาจนถึงจังหวัดพะเยา เทือกเขาฝั่งตะวันตกมี สถานที่ท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงคือ ดอยแม่สลอง ดอยตุง เทือกเขาฝั่งตะวันออก สถานที่ท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงคือ ภูชี้ฟ้า เชียงรายเป็นจุดแรกที่แม่น้ำโขงไหลเข้ามายังดินแดนของประเทศไทยคือที่สามเหลี่ยมทองคำ อ. เชียงแสน และไหลออกจากประเทศไทยอีกครั้งในจังหวัดเชียงราย ที่อำเภอ เวียงแก่น การมาของ แม่น้ำโขงเป็นที่มาของ สถานที่ท่องเที่ยว คือ สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นจุดบรรจบกัน 3 ประเทศคือไทย ลาว พม่า ปัจจุบันเป็น แหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสใจที่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจไปเที่ยวกันมาก ที่อำเภอ เชียงแสน มี สถานที่ท่องเที่ยว ทางโบราณสถานมากมาย และมี ทะเลสาบเชียงแสน เป็น สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และ เป็นแหล่งดูนก ที่น่าสนใจ นอกจากนี้ เชียงรายยังมีแหล่งชอปปิ้งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจกันมากคือ แม่สาย เป็น จุดเหนือสุดแดนสยาม ข้ามฝั่งพม่าไปก็จะเป็นแหล่งชอปปิ้งที่คนไทยชอบข้ามไปเที่ยวคือ ตลาดท่าขี้เหล็ก นอกจากนี้เชียงรายยังมี Unseen คือ พระขี่ม้าบิณบาต
ข้อมูลทั่วไปของจังหวัด เชียงราย
มีพื้นที่ทั้งหมด 11,678 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองเป็น 16 อำเภอ และอีก 2 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อ. เมือง อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.เชียงของ อ. เวียงป่าเป้า อ. เทิง อ. เวียงแก่น อ. ป่าแดด อ.พาน อ.แม่สรวย อ.เวียงชัย อ.แม่จัน อ.พญาเม็งราย อ.ขุนตาล อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ลาว กิ่ง อ. เวียงเชียงรุ้ง และกิ่ง อ. ดอยหลวงสถานที่ท่องเที่ยวเชียงราย แยกตามอำเภอ หรือเส้นทางท่องเที่ยวสายหลัก | ||||
|
วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556
"หอคำ" changlay


ไร่แม่ฟ้าหลวง อยู่บริเวณพื้นราบทางตะวันตกของตัวเมืองเชียงราย ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่อบรมเยาวชนชาวเขาจากหมู่บ้านต่างๆ ในภาคเหนือ ปัจจุบันเป็นอุทยานศิลปะและวัฒนธรรมอันรื่นรมย์ด้วยหมู่ไม้นานาพรรณ ในพื้นที่ 150 ไร่ เหมาะสำหรับผู้แสวงหาความสงบเงียบและแรงบันดาลใจอันเกิดจากธรรมชาติ และศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น สถานที่น่าสนใจในไร่แม่ฟ้าหลวง ประกอบด้วย…
สถาปัตยกรรมล้านนาซึ่งมีหลังคามุงด้วยแผ่นไม้สัก ชาวเชียงรายร่วมกันสร้างเพื่อ "ไหว้สาแม่ฟ้าหลวง" ถวายเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา เมื่อปี พ.ศ. 2527 อันเป็นฝีมือช่างไม้พื้นบ้านในจังหวัดเชียงรายและแพร่ ภายในหอคำเป็นที่เก็บรวบรวมศิลปวัตถุและงานพุทธศิลป์ มีทั้งพระพุทธรูปแบบล้านนา พม่า และเครื่องไม้แกะสลักที่ในในการพระศาสนา เช่น สัตภัณฑ์ (เชิงเทียนไม้เก่าแก่) ตุงกระด้าง(ตุงหรือธงไม้) ฯลฯ โดยในหอคำมีพระพุทธรูปองค์สำคัญในหอคำ คือ พระเจ้าพร้าโต้ ซึ่งมีจารึกว่าสร้างในปี พ.ศ. 2236 โดยชาวบ้านซึ่งเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่และยังไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสมในการสลักเสลาพระพุทธรูปไม้ให้ประณีต จึงใช้เพียงมีดโต้เป็นเครื่องมือแกะสลักพระพุทธรูปมีลักษณะแข็งแรงและสง่างาม
"หอคำน้อย" อาคารศิลาแลงหลังคาเป็นเกล็ดไม้สัก ที่เก็บภาพจิตรกรรมฝาผนังเขียนด้วยสีฝุ่นบนกระดานไม้สัก สันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในช่วงต้นรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยช่างเขียนชาวไทยลื้อ ภาพแสดงให้เห็นถึงความเป็นอยู่ การแต่งกาย และวัฒนธรรมล้านนาเมื่อกว่าร้อยปีมาแล้ว
"หอแก้ว" ซึ่งมีพื้นที่แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งใช้เป็นที่ทำกิจกรรม เช่น การประชุมสัมมนา จัดเลี้ยง ฯลฯ มีระเบียงยื่นลงไปในสระน้ำกว้างใหญ่ เหมาะแก่การสังสรรค์อันรื่นรมย์ และปลอดโปร่งใจอีกส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการ ทั้งนิทรรศการหมุนเวียน และนิทรรศการถาวร นิทรรศการถาวรเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับไม้สัก ทั้งในด้านพฤกษศาสตร์ และในด้านเป็นวัสดุอันเลื่องชื่อสำหรับสร้างสรรค์งานศิลปะ
ไร่แม่ฟ้าหลวงเปิดทุกวันเวลา 08.00-18.00 น. (ยกเว้นวันจันทร์) ค่าเข้าชมคนไทย 150 บาท ต่างชาติ 200 บาท ทั้งนี้ ใครที่สนใจอยากไปชมความงามของไร่แม่ฟ้าหลวง ก็สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 5371 1968 โทรสาร 0 5371 2429 หรือ www.maefahluang.org


ศูนย์อนุรักษ์มรดกอันล้ำค่าของอาณาจักรล้านนาโบราณ และความหลากหลายของเสื้อผ้า และอาภรณ์ของชนชาติไตเผ่าต่างๆ ในอาณาจักรล้านนา และด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะอนุรักษ์ความเป็นมาอันยิ่งใหญ่ของชาวล้านนา ทำให้ อาจารย์จุลศักดิ์ สุริยะไชย ได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์อูบคำขึ้นมาด้วยแรงกาย แรงใจ และทุนทรัพย์ เพื่อเป็นศูนย์อนุรักษ์มรดกล้ำค่าของอานาจักรล้านนาโบราณ เก็บของมีค่าสมัยล้านนาที่กระจายอยู่ในที่ต่างๆ ให้คืนกลับสู่แผ่นดินไทย และเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาถึงความเป็นมาของบรรพบุรุษต่อไปในอนาคต เช่น เครื่องใช้ในราชสำนักล้านนา เครื่องใช้ในราชสำนักคุ้มเจ้าต่างๆ ในล้านนา ผ้าโบราณอายุ 200 ปี พระพุทธรูป และบัลลังค์ของเจ้าฟ้าในสมัยโบราณที่สมบูรณ์ที่สุดอีกด้วย ฯลฯ
โดยคำว่า อูบคำ เป็นชื่อที่มาจากอูบทองคำที่อาจารย์จุลศักดิ์ได้รับเป็นมรดกตกทอดจากบิดา ซึ่งสืบเชื้อสายจากพระยาสุลวฤาชัย (หนานทิพย์ช้าง) เจ้านครลำปาง (พ.ศ. 2275-2301) และใช้ชื่อดังกล่าวต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
สำหรับพิพิธภัณฑ์อูบคำ เปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 18.00 น. อัตราค่าเข้าชม คนไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
แหม...รู้จักจังหวัดเชียงรายกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ใครที่อยากหลีกหนีความวุ่นวาย และไปสัมผัสชีวิตเรียบง่าย "จังหวัดเชียงราย" คงเป็นคำตอบสุดท้ายที่ดีที่สุดนะคะ

ทางรถยนต์
สามารถเดินทางเป็นวงรอบได้โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 11 จากอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ผ่านตากฟ้า-วังทอง-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 103 ไปอำเภองาว แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านพะเยาไปจังหวัดเชียงราย รวมระยะทางประมาณ 785 กิโลเมตร
ขากลับใช้เส้นทางสายใหม่จากเชียงราย ผ่านอำเภอแม่สรวย-เวียงป่าเป้า-แม่ขะจาน-ดอยสะเก็ด มาเชียงใหม่ ทิวทัศน์สองข้างทางเป็นป่าเขาสวยงาม เมื่อเดินทางมาถึงเชียงใหม่แล้วจะมีทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านลำพูน มาลำปาง บรรจบกับทางหลวงหมายเลข 1 เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ ได้
ทางรถโดยสารประจำทาง
มีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ บริษัทขนส่ง จำกัด โทร. 0 2936 3670 และบริษัทเอกชนออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) ถนนกำแพงเพชร 2 ไปเชียงรายทุกวัน สอบถามรายละเอียดที่สถานที่ขนส่งสายเหนือ โทร. 0 2936 2852-66 หรือ www.transport.co.th สถานีขนส่งจังหวัดเชียงราย โทร. 0 5371 1224
ทางรถไฟ
จากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ มีรถไฟไปลงที่จังหวัดลำปางหรือเชียงใหม่ แล้วเดินทางต่อไปโดยรถยนต์หรือรถโดยสารประจำทางไปจังหวัดเชียงราย สอบถามรายละเอียดได้ที่หน่วยบริการเดินทางสถานีรถไฟ กรุงเทพฯ โทร 0 2220 4334, 0 2220 4444 สำรองที่นั่งล่วงหน้า 3 วันขึ้นไป แต่ไม่เกิน 60 คน หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.railway.co.th/
ทางเครื่องบิน
มีเที่ยวบินตรงจากรุงเทพฯ – เชียงราย ทุกวัน สอบถามรายละเอียดได้ที่...
- การบินไทย โทร. 0 2628 2000, 0 5371 1179, 1566 หรือ www.thaiairways.com
- แอร์ เอเชีย โทร. 0 2515 9999, 0 5379 8275-6 หรือ www.airasia.com
- โอเรียนท์ไทย แอร์ไลน์ โทร. 0 2267 2999, 0 5379 3555, 1126 หรือ www.orient.thai.com
เมือง แก่ง สำคัญเชียงราย
เราไปต่อกันเรยยยยยยยยยยยยยย
ไร่แม่จันแวลเล่ย์
ตั้งอยู่บนดอยแม่สลอง มีเนื้อที่ประมาณ 1,300 ไร่ แบ่งออกเป็น ไร่องุ่นและโรงงานผลิตไวน์ ไร่ชาและโรงงานผลิตชาอู่หลง โรงงานเจียระไนยพลอย นาข้าว แปลงเพาะชำปลูกผักผลไม้ และห้องพักบริการนักท่องเที่ยวที่มีชื่อเรียกว่า "ดอยห่มฟ้ารีสอร์ท" สำหรับโรงงานผลิตไวน์ของไร่แม่จันแวลเล่ย์ เรียกได้ว่าเป็นโรงงานผลิตไวน์องุ่นแห่งเดียวในภาคเหนือที่รับมาตรฐานจากสมาคมผู้ประกอบการไวน์ไทย ในส่วนของการปลูกชาของไร่แม่จันแวลเล่ย์ จะเน้นที่ชาอู่หลงเป็นหลัก และมีพื้นที่ในการปลูกชา 100 ไร่ อีกทั้งยังส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน จีน ฯลฯ
ไร่แม่จันแวลเล่ย์มีทัศนียภาพที่สวยงาม เพราะตั้งอยู่บนยอดดอยสูง อีกทั้งยังปลูกองุ่น ปลูกชา ลดหลั่นเรียงรายตามแนวเขาแบบขั้นบันได กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ที่สำคัญมีอ่างเก็บน้ำแม่เปินไหลผ่านสร้างความเย็นฉ่ำ และการที่จะเข้าชมไร่แม่จันแวลเล่ย์จะต้องนั่งเรือแพลำเล็กๆ ที่ทางไร่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมานำส่งนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างบรรยากาศให้เข้ากับความงามของธรรมชาติ สำหรับผู้ที่สนใจอยากไปสัมผัสความงามของไร่แม่จันแวลเล่ย์ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 5391 4999
กลุ่มแกะสลักไม้พื้นบ้านและบ้านช้างลีลา 108
สัมผัสความสวยงามของศิลปะหัตถกรรมพื้นบ้าน โดยกลุ่มสล่า (ช่าง) แกะสลักไม้พื้นบ้านของจังหวัดเชียงราย ที่ตำบลท่าสุด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งแกะสลักไม้ด้วยมือ และใช้มีดเหลาไม้ขนาดเล็กๆ ในการแกะสลัก มีผลงานการแกะสลักที่หลากหลายมากมาย เช่น ไม้สักแกะสลักรูปช้าง ไม้สักแกะสลักรูปพระพุทธรูป ไม้สักแกะสลัก 12 ราศี ไม้สักแกะสลักวิถีชีวิตของผู้คน ฯลฯ ซึ่งเน้นนำวัสดุธรรมชาติมาสร้างสรรค์ผลงาน นอกจากนี้ยังมีการแกะสลักไม้ให้เคลื่อนไหวเสมือนมีชีวิตจริง โดยการนำเอานวัตกรรมสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากัน ซึ่งผลงานการแกะสลักจะเป็นชิ้นเล็กๆ ที่ละเอียด ปราณีต สวยงาม
กลุ่มแกะสลักไม้พื้นบ้านในครัวเรือนบ้านถ้ำผาตอง เป็นกลุ่มช่างแกะสลักที่ได้รับการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากช่างฝีมือพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และที่สามารถจัดทำกันเป็นกลุ่มอย่างเป็นกิจจะลักษณะมีความเข้มแข็งเติบโตได้ เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2527 โดย "สล่าคำจันทร์ ยาโน" พร้อมได้ชวนเพื่อนอีก 2 คน คือ "สล่าสุวรรณ สามสี" และ "สล่าจิ๊ก" มาร่วมกันทำงานแกะสลักเพื่อส่งไปจำหน่าย จนฝีมือการแกะสลักเป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงได้ชักชวนเพื่อนคนอื่นและเยาวชนที่สนใจมาฝึกสอนฝึกหัด นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานกันเป็นกลุ่ม
สำหรับใครที่ต้องการไปชม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่กลุ่มแกะสลักไม้พื้นบ้าน (บ้านถ้ำผาตอง) โทร. 0-5378-7233, 08-1602-4775, 08-1784-8103 และ บ้านช้างลีลา โทร. 0-5378-7237, 08-1883-5491
ตลาดไนท์บาซาร์เชียงราย
ตั้งอยู่ถนนพหลโยธิน บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงราย เป็นที่จำหน่ายของพื้นเมือง ของที่ระลึก และของฝาก จากฝีมือชาวเชียงรายและชาวเขาเผ่าต่างๆ มีทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า ตุ๊กตาชาวเขา งาน Handmade หลากแบบหลายสไตล์ อีกทั้งยังมีการจำหน่ายของตกแต่งบ้านที่ทำจากไม้ สินค้าหัตถกรรม (หรือสินค้าทำมือ) ต่างๆ เช่น ไม้แกะสลัก ภาพวาด ฯลฯ ใครที่อยากเพลินเพลินกับแสงสีของเมืองเชียงรายในยามค่ำคืน ก็อย่าลืมไปเดินเล่นกินลมชมของสวยได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.30 น. - 23.00 น.
ล่องเรือแม่น้ำกก ชมหมู่บ้านกะเหรี่ยง
ใครที่ชอบชมธรรมชาติและความชุ่มฉ่ำของสายน้ำไม่ควรพลาด กับการไปล่องเรือในแม่น้ำกก แม่น้ำที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงราย เพราะตลอดสองฟากฝั่งของแม่น้ำกกจะเป็นป่าเขาที่สวยงามตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถแวะชมวิถีชีวิตหมู่บ้านชาวเขาต่างๆ เช่น อีก้อ ลีซอ กะเหรี่ยง หรือจะแวะปางช้างให้อาหารและนั่งช้างเที่ยวป่ารอบบริเวณนั้นก็ได้


ตั้งอยู่บนดอยแม่สลอง มีเนื้อที่ประมาณ 1,300 ไร่ แบ่งออกเป็น ไร่องุ่นและโรงงานผลิตไวน์ ไร่ชาและโรงงานผลิตชาอู่หลง โรงงานเจียระไนยพลอย นาข้าว แปลงเพาะชำปลูกผักผลไม้ และห้องพักบริการนักท่องเที่ยวที่มีชื่อเรียกว่า "ดอยห่มฟ้ารีสอร์ท" สำหรับโรงงานผลิตไวน์ของไร่แม่จันแวลเล่ย์ เรียกได้ว่าเป็นโรงงานผลิตไวน์องุ่นแห่งเดียวในภาคเหนือที่รับมาตรฐานจากสมาคมผู้ประกอบการไวน์ไทย ในส่วนของการปลูกชาของไร่แม่จันแวลเล่ย์ จะเน้นที่ชาอู่หลงเป็นหลัก และมีพื้นที่ในการปลูกชา 100 ไร่ อีกทั้งยังส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน จีน ฯลฯ
ไร่แม่จันแวลเล่ย์มีทัศนียภาพที่สวยงาม เพราะตั้งอยู่บนยอดดอยสูง อีกทั้งยังปลูกองุ่น ปลูกชา ลดหลั่นเรียงรายตามแนวเขาแบบขั้นบันได กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ที่สำคัญมีอ่างเก็บน้ำแม่เปินไหลผ่านสร้างความเย็นฉ่ำ และการที่จะเข้าชมไร่แม่จันแวลเล่ย์จะต้องนั่งเรือแพลำเล็กๆ ที่ทางไร่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมานำส่งนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างบรรยากาศให้เข้ากับความงามของธรรมชาติ สำหรับผู้ที่สนใจอยากไปสัมผัสความงามของไร่แม่จันแวลเล่ย์ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 5391 4999


สัมผัสความสวยงามของศิลปะหัตถกรรมพื้นบ้าน โดยกลุ่มสล่า (ช่าง) แกะสลักไม้พื้นบ้านของจังหวัดเชียงราย ที่ตำบลท่าสุด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งแกะสลักไม้ด้วยมือ และใช้มีดเหลาไม้ขนาดเล็กๆ ในการแกะสลัก มีผลงานการแกะสลักที่หลากหลายมากมาย เช่น ไม้สักแกะสลักรูปช้าง ไม้สักแกะสลักรูปพระพุทธรูป ไม้สักแกะสลัก 12 ราศี ไม้สักแกะสลักวิถีชีวิตของผู้คน ฯลฯ ซึ่งเน้นนำวัสดุธรรมชาติมาสร้างสรรค์ผลงาน นอกจากนี้ยังมีการแกะสลักไม้ให้เคลื่อนไหวเสมือนมีชีวิตจริง โดยการนำเอานวัตกรรมสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากัน ซึ่งผลงานการแกะสลักจะเป็นชิ้นเล็กๆ ที่ละเอียด ปราณีต สวยงาม
กลุ่มแกะสลักไม้พื้นบ้านในครัวเรือนบ้านถ้ำผาตอง เป็นกลุ่มช่างแกะสลักที่ได้รับการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากช่างฝีมือพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และที่สามารถจัดทำกันเป็นกลุ่มอย่างเป็นกิจจะลักษณะมีความเข้มแข็งเติบโตได้ เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2527 โดย "สล่าคำจันทร์ ยาโน" พร้อมได้ชวนเพื่อนอีก 2 คน คือ "สล่าสุวรรณ สามสี" และ "สล่าจิ๊ก" มาร่วมกันทำงานแกะสลักเพื่อส่งไปจำหน่าย จนฝีมือการแกะสลักเป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงได้ชักชวนเพื่อนคนอื่นและเยาวชนที่สนใจมาฝึกสอนฝึกหัด นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานกันเป็นกลุ่ม
สำหรับใครที่ต้องการไปชม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่กลุ่มแกะสลักไม้พื้นบ้าน (บ้านถ้ำผาตอง) โทร. 0-5378-7233, 08-1602-4775, 08-1784-8103 และ บ้านช้างลีลา โทร. 0-5378-7237, 08-1883-5491


ตั้งอยู่ถนนพหลโยธิน บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงราย เป็นที่จำหน่ายของพื้นเมือง ของที่ระลึก และของฝาก จากฝีมือชาวเชียงรายและชาวเขาเผ่าต่างๆ มีทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า ตุ๊กตาชาวเขา งาน Handmade หลากแบบหลายสไตล์ อีกทั้งยังมีการจำหน่ายของตกแต่งบ้านที่ทำจากไม้ สินค้าหัตถกรรม (หรือสินค้าทำมือ) ต่างๆ เช่น ไม้แกะสลัก ภาพวาด ฯลฯ ใครที่อยากเพลินเพลินกับแสงสีของเมืองเชียงรายในยามค่ำคืน ก็อย่าลืมไปเดินเล่นกินลมชมของสวยได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.30 น. - 23.00 น.


ใครที่ชอบชมธรรมชาติและความชุ่มฉ่ำของสายน้ำไม่ควรพลาด กับการไปล่องเรือในแม่น้ำกก แม่น้ำที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงราย เพราะตลอดสองฟากฝั่งของแม่น้ำกกจะเป็นป่าเขาที่สวยงามตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถแวะชมวิถีชีวิตหมู่บ้านชาวเขาต่างๆ เช่น อีก้อ ลีซอ กะเหรี่ยง หรือจะแวะปางช้างให้อาหารและนั่งช้างเที่ยวป่ารอบบริเวณนั้นก็ได้
ดอยสูงเมืองสวย เชียงราย
วันนี้เปนอีกวันหนึ่งที่เราจะพาท่านเยี่มชมเชียงราย และจะสวยงามเหมือนเดิมไหม ไปดูกัน
เรียบเรียงและภาพประกอบโดยกระปุกดอทคอม
เหนือสุดแดนสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง…นี่คือคำขวัญของจังหวัดเล็กๆ ที่หลบซ่อนสายตาผู้คนอยู่ในทิวเขา ที่รายล้อมโอบอุ้มความเขียวขจีของทรัพยากรทางธรรมชาติไว้ได้อย่างมิดชิด ใช่แล้วค่ะ...เรากำลังพูดถึง "จังหวัดเชียงราย" จังหวัดที่มีเส้นทางสายยาวที่สลับซับซ้อน ทอดตัวผ่านขุนเขาสูงเสียดฟ้า มีความงามตระการตาของสายหมอกสีขาวจาง มีดอกไม้ที่บานสะพรั่ง และมีขนบธรรมเนียมประเพณีแบบล้านนาที่งดงาม
นั้นแน่! เริ่มอยากไปสัมผัสความงามของเมืองแห่งขุนเขาแล้วใช่ไหมล่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมจะแบกเป้บินลัดฟ้าพาไปสำรวจจังหวัดเชียงรายกันค่ะ...ใครที่ชอบธรรมชาติ รักการผจญภัย อยากสูดอากาศบริสุทธิ์ และสัมผัสสายลมหนาว ก็ตามเข้ามาเลย...
จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย ติดกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสหภาพพม่า ห่างจากเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร 829 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 11,678 ตารางกิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1805 โดย "พ่อขุนเม็งราย" ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา และยังคงมีกลิ่นอาย ร่องรอย ของซากเมืองที่มีความเจริญทางวัฒนธรรมและศิลปะในอดีต อยู่ตามริมแม่น้ำกก แม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านเมือง
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจังหวัดเชียงราย มีมากมายให้ไปสัมผัสและเยี่ยมเยือน ไม่ว่าจะเป็น...
วัดพระธาตุผาเงา
วัดพระธาตุผาเงา ตั้งอยู่ในอำเภอเชียงแสน บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่มาของวัดมาจากชื่อของพระธาตุผาเงา (ทรงระฆัง) ที่ตั้งอยู่บนยอดหินก้อนใหญ่ ข้างหลังวัดเป็นที่ตั้งของพระบรมพุทธนิมิตรเจดีย์ และเป็นจุดชมวิววที่สวยงาม สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทั้ง 2 ประเทศ คือประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่ห่างจากอำเภอเชียงแสนไปตามเส้นทางเชียงแสน - เชียงของ ประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ตรงข้ามโรงเรียนสบคำ
วัดพระธาตุดอยเวา
พระธาตุดอยเวา เป็นปูชนียสถานอันเก่าแก่ ตั้งอยู่บนดอยริมฝั่งแม่น้ำแม่สาย ห่างจากชายแดนไทยพม่าเพียง 500 เมตร ถูกสร้างขึ้นเมื่อพุทธศักราช 296 โดยขุนควักเวาหรือพระองค์เวา กษัตริย์องค์ที่ 10 แห่งนครนาคพันธุ์ (เชียงแสนโบราณ) สร้างพระเจดีย์บรรจุพระเกศาธาตุไว้บนดอยนี้ จึงเรียกพระธาตุดอยเวาตามพระนามของผู้สร้าง นับเป็นพระบรมธาตุที่เก่าแก่องค์หนึ่งรองมาจากพระบรมธาตุดอยตุง
นอกจากนี้ บนยอดดอยเวายังเป็นจุดที่สามารถชมทิวทัศน์ของอำเภอแม่สาย และท่าขี้เหล็กทางฝั่งพม่าได้อย่างชัดเจน และมีอนุสาวรีย์พระเรศวรมหาราชให้สักการะบูชา ทั้งนี้ เวา ในภาษาล้านนาแปลว่า แมงป่องช้าง ดังนั้นตรงจุดชมวิวจึงมีรูปปั้นแมงป่องยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่เป็นสัญลักษณ์ของพระธาตุดอยเวาอีกด้วย
พระธาตุดอยตุง
พระธาตุดอยตุงตั้งอยู่บนดอยตุง บริเวณกิโลเมตรที่ 17.5 ของทางหลวงหมายเลข 1149 เป็นที่บรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้า นำมาจากมัธยมประเทศ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ได้มาประดิษฐานที่ล้านนาไทย เมื่อก่อสร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนี้ ได้ทำธงตะขาบ (ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า ตุง) ใหญ่ยาวถึงพันวา ปักไว้บนยอดดอย ถ้าหากปลายธงปลิวไปไกลถึงเมืองไหน ก็จะกำหนดเป็นฐานพระสถูป เหตุนี้ดอยซึ่งเป็นที่ประดิษฐานปฐมเจดีย์แห่งล้านนาไทย จึงปรากฏนามว่า "ดอยตุง"
พระธาตุดอยตุงเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ เมื่อถึงเทศกาลนมัสการพระธาตุดอยตุงในวันเพ็ญเดือน 3 จะมีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและเพื่อนบ้านจากประเทศใกล้เคียง เช่น ชาวเชียงตุงในรัฐฉาน ประเทศสหภาพพม่า ชาวหลวงพระบาง เวียงจันทน์ เดินทางเข้ามานมัสการทุกปี พระธาตุดอยตุงถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีกุน ที่นิยมมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

เรียบเรียงและภาพประกอบโดยกระปุกดอทคอม
เหนือสุดแดนสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง…นี่คือคำขวัญของจังหวัดเล็กๆ ที่หลบซ่อนสายตาผู้คนอยู่ในทิวเขา ที่รายล้อมโอบอุ้มความเขียวขจีของทรัพยากรทางธรรมชาติไว้ได้อย่างมิดชิด ใช่แล้วค่ะ...เรากำลังพูดถึง "จังหวัดเชียงราย" จังหวัดที่มีเส้นทางสายยาวที่สลับซับซ้อน ทอดตัวผ่านขุนเขาสูงเสียดฟ้า มีความงามตระการตาของสายหมอกสีขาวจาง มีดอกไม้ที่บานสะพรั่ง และมีขนบธรรมเนียมประเพณีแบบล้านนาที่งดงาม
นั้นแน่! เริ่มอยากไปสัมผัสความงามของเมืองแห่งขุนเขาแล้วใช่ไหมล่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมจะแบกเป้บินลัดฟ้าพาไปสำรวจจังหวัดเชียงรายกันค่ะ...ใครที่ชอบธรรมชาติ รักการผจญภัย อยากสูดอากาศบริสุทธิ์ และสัมผัสสายลมหนาว ก็ตามเข้ามาเลย...
จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย ติดกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสหภาพพม่า ห่างจากเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร 829 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 11,678 ตารางกิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1805 โดย "พ่อขุนเม็งราย" ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา และยังคงมีกลิ่นอาย ร่องรอย ของซากเมืองที่มีความเจริญทางวัฒนธรรมและศิลปะในอดีต อยู่ตามริมแม่น้ำกก แม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านเมือง
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจังหวัดเชียงราย มีมากมายให้ไปสัมผัสและเยี่ยมเยือน ไม่ว่าจะเป็น...


วัดพระธาตุผาเงา ตั้งอยู่ในอำเภอเชียงแสน บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่มาของวัดมาจากชื่อของพระธาตุผาเงา (ทรงระฆัง) ที่ตั้งอยู่บนยอดหินก้อนใหญ่ ข้างหลังวัดเป็นที่ตั้งของพระบรมพุทธนิมิตรเจดีย์ และเป็นจุดชมวิววที่สวยงาม สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทั้ง 2 ประเทศ คือประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่ห่างจากอำเภอเชียงแสนไปตามเส้นทางเชียงแสน - เชียงของ ประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ตรงข้ามโรงเรียนสบคำ


พระธาตุดอยเวา เป็นปูชนียสถานอันเก่าแก่ ตั้งอยู่บนดอยริมฝั่งแม่น้ำแม่สาย ห่างจากชายแดนไทยพม่าเพียง 500 เมตร ถูกสร้างขึ้นเมื่อพุทธศักราช 296 โดยขุนควักเวาหรือพระองค์เวา กษัตริย์องค์ที่ 10 แห่งนครนาคพันธุ์ (เชียงแสนโบราณ) สร้างพระเจดีย์บรรจุพระเกศาธาตุไว้บนดอยนี้ จึงเรียกพระธาตุดอยเวาตามพระนามของผู้สร้าง นับเป็นพระบรมธาตุที่เก่าแก่องค์หนึ่งรองมาจากพระบรมธาตุดอยตุง
นอกจากนี้ บนยอดดอยเวายังเป็นจุดที่สามารถชมทิวทัศน์ของอำเภอแม่สาย และท่าขี้เหล็กทางฝั่งพม่าได้อย่างชัดเจน และมีอนุสาวรีย์พระเรศวรมหาราชให้สักการะบูชา ทั้งนี้ เวา ในภาษาล้านนาแปลว่า แมงป่องช้าง ดังนั้นตรงจุดชมวิวจึงมีรูปปั้นแมงป่องยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่เป็นสัญลักษณ์ของพระธาตุดอยเวาอีกด้วย


พระธาตุดอยตุงตั้งอยู่บนดอยตุง บริเวณกิโลเมตรที่ 17.5 ของทางหลวงหมายเลข 1149 เป็นที่บรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้า นำมาจากมัธยมประเทศ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ได้มาประดิษฐานที่ล้านนาไทย เมื่อก่อสร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนี้ ได้ทำธงตะขาบ (ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า ตุง) ใหญ่ยาวถึงพันวา ปักไว้บนยอดดอย ถ้าหากปลายธงปลิวไปไกลถึงเมืองไหน ก็จะกำหนดเป็นฐานพระสถูป เหตุนี้ดอยซึ่งเป็นที่ประดิษฐานปฐมเจดีย์แห่งล้านนาไทย จึงปรากฏนามว่า "ดอยตุง"
พระธาตุดอยตุงเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ เมื่อถึงเทศกาลนมัสการพระธาตุดอยตุงในวันเพ็ญเดือน 3 จะมีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและเพื่อนบ้านจากประเทศใกล้เคียง เช่น ชาวเชียงตุงในรัฐฉาน ประเทศสหภาพพม่า ชาวหลวงพระบาง เวียงจันทน์ เดินทางเข้ามานมัสการทุกปี พระธาตุดอยตุงถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีกุน ที่นิยมมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556
วัดร่องขุน เชียงราย
วันนี้เราจะพาท่านไปชมวัดที่สวยงามที่สุดในจังหวัดเชียงรายกัล ลองไปดุสิว่าจะเป็นวัดอะไรและสวยงามแบบไหนไปดูกัลเลย จร้า
วัดร่องขุ่น เป็นวัดที่มีความสวยงามโดดเด่นต่างจากวัดอื่นๆ ด้วยฝีมือการออกแบบ และก่อสร้างของ อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดัง เพื่อเป็นวัดประจำบ้านเกิด สร้างโดยจินตนาการของอาจารย์ จัดเป็นงานพุทธศิลป์ที่ยิ่งใหญ่ และงดงามน่าแวะชมมากแห่งหนึ่ง
อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ มีแรงบันดาลใจในการสร้างวัดแห่งนี้อยู่ 3 ประการ คือ เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งอาจารย์บอกว่า จึงตั้งความปรารถนาที่จะถวายชีวิต ใช้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตนเอง สร้างงานพุทธศิลป์ เพื่อเป็นงานประจำรัชกาลของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ได้ และจะถวายชีวิตไปจนตายคาวัด" (จากเอกสารของวัดร่องขุ่น) ความงดงามของวัดแห่งนี้อยู่ที่ "โบสถ์" เพราะอาจารย์อยากจะเนรมิตวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ เป็นวิมานบนดินที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้ โบสถ์ เปรียบเหมือนบ้านของพระพุทธเจ้า สีขาว แทนพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า กระจกขาว หมายถึง พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายไปทั่วโลกมนุษย์ และจักรวาล สะพาน หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ก่อนขึ้นสะพานครึ่งวงกลมเล็ก หมายถึง โลกมนุษย์ วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามารหรือพระราหู หมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์ ผู้ที่จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตให้ผ่องใสก่อนที่จะเดินผ่านขึ้นไปพบกับพระราหูอยู่เบื้องซ้าย และพญามัจจุราชอยู่เบื้องขวา บนสันของสะพานจะประกอบไปด้วยอสูรกลืนกัน 16 ตน ข้างละ 8 ตน หมายถึง อุปกิเลส 16 จากนั้นก็จะถึงกึ่งกลางสะพานหมายถึง เขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเทวดา ด้านล่างเป็นสระน้ำหมายถึง สีทันดรมหาสมุทร มีสวรรค์ตั้งอยู่ด้วยกัน 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์ 6 เดินลงไปสู่พรหม 16 ชั้น แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 16 ดอกรอบพระอุโบสถ ดอกที่ใหญ่สุด 4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์หมายถึง ซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ ประกอบด้วยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เป็นสงฆ์สาวกที่ควรกราบไหว้บูชา ก่อนขึ้นบันได ครึ่งวงกลมหมายถึง โลกุตตรปัญญา บันไดทางขึ้น 3 ขั้นแทน อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ผ่านแล้วจึ้งขึ้นไปสู่อรูปพรหม 4 แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 4 ดอกและบานประตู 4 บาน บานสุดท้ายเป็นกระจกสามเหลี่ยมแทนความว่าง ซึ่งหมายถึงความหลุดพ้น แล้วจึงก้าวข้ามธรณีประตูเข้าสู่พุทธภูมิ ภายในประกอบด้วยภาพเขียนโทนสีทองทั้งหมด ผนัง 4 ด้าน เพดานและพื้นล้วนเป็นภาพเขียนที่แสดงถึงการหลุดพ้นจากกิเลสมาร มุ่งเข้าสู่โลกุตตรธรรม ส่วนบนของหลังคาโบสถ์ ได้นำหลักการของการปฏิบัติจิต 3 ข้อ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นำไปสู่ความว่างคือความหลุดพ้นนั่นเอง นี่เป็นเพียงรายละเอียดคร่าวๆ ของโบสถ์ของวัดร่องขุ่น ส่วนรายละเอียดจริงๆ นั้น อาจารย์บอกว่าจะสร้างทั้งหมด 9 หลัง แต่ละหลังมีความหมายเป็นคติธรรมทุกหลัง ผมหวังจะสร้างงานพุทธศิลป์ของแผ่นดินให้ยิ่งใหญ่อลังการ เพื่อให้คนทั้งโลกยอมรับ และปรารถนาจะมาชื่นชมให้ได้ จะถวายชีวิตสร้างจนลมหายใจสุดท้าย และได้สร้างลูกศิษย์รอรับช่วงต่ออีก 2 รุ่น หลังผมตาย คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้ง 9 หลัง คงใช้เวลาทั้งหมด 60-70 ปีครับ" นอกจากจะชมความงดงามของพระอุโบสถแล้ว ยังสามารถเข้าชมผลงานของอาจารย์ และเลือกซื้อของที่ระลึกจากวัดร่องขุ่นได้อีกด้วย |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)